“มีความสุขในชีวิตและการทำงานที่จะสามารถทำให้เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กัน”
งานของคุณไม่สามารถทำให้ชีวิตของคุณและครอบครัวหายไป บอกลาวิถีชีวิตที่ไม่สมดุล และแม้วันหยุดสุดสัปดาห์แสนเคร่งเครียด แต่การทำงานที่สมิติเวชนอกเหนือจากเพื่อนร่วมงานที่ดีก็ยังมีสิ่งดีๆ ที่มาพร้อมกันหมายถึงรายได้ที่ดี วิถีชีวิตที่สมดุล และงานที่ให้มากกว่า ‘ความคุ้มค่า’ เพราะเมื่อเรามีเวลาเราจะจัดทริปท่องเที่ยวและกิจกรรมต่างๆ มากมายเพื่อสร้างความสนุกสนานและผ่อนคลายในหมู่เพื่อนร่วมงาน ซึ่งการที่เราพยาบาลทุกคนที่ได้ทำงานอยู่ที่สมิติเวชมันทำให้เราพบความสุขที่แท้จริงทั้งการทำงานและชีวิตในด้านต่างๆ
“ความภูมิใจในวิชาชีพพยาบาลกับการสร้างคุณค่าให้กับตนเองและผู้อื่น”
ตลอดระยะเวลาการทำงาน 12 ปีกับวิชาชีพพยาบาลในแผนกผู้ป่วยโรคมะเร็งและโรคเลือด ทำให้ทราบว่า คำว่าพยาบาล ไม่ได้มีแค่คำว่า “หน้าที่” แต่ทุกวินาทีเราสวมบทบาทเป็นทุกอย่างเพื่อผู้ป่วย เราเป็นทั้งญาติ เป็นผู้พิทักษ์สิทธิ์ เป็นผู้ชี้แนะ เป็นผู้ดูแล และเป็นอีกหลายๆ สิ่ง เพราะฉะนั้นความเข้าอกเข้าใจถูกนำมาใช้เสมอในการดูแลผู้ป่วย เป้าหมายที่เราคิดถึงมีเพียงอย่างเดียวคือผู้ป่วยได้รับความปลอดภัย และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกลับมา แม้แต่การส่งกำลังใจในวาระสุดท้ายของชีวิตที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นก็ตาม ทุกย่างก้าวในการทำงานจึงเปรียบเสมือนได้ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา เพราะรอยยิ้มของผู้ป่วยและญาตินั้นคือความสุขของพยาบาล
การได้รับโอกาสในการศึกษาต่อเฉพาะทางสาขามะเร็งรวมถึงการไปเรียนรู้ดูงานที่ต่างประเทศ ของพยาบาลตำแหน่งเล็กๆ คนหนึ่งจะได้รับ ถือเป็นประสบการณ์และรางวัลที่ล้ำค่าที่ไม่คิดว่าจะได้รับในชีวิตนี้ จวบจนปี 2018 ดิฉันได้รับรางวัล Daisy award ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดในวิชาชีพพยาบาล นั่นจึง เป็นแรงผลักดันให้ดิฉันตั้งใจทำงานที่รัก และเต็มที่ในการดูแลผู้ป่วยต่อไป
ศิริรักษ์ สุขสาลี
โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช
“คว้าโอกาสที่จะเรียนรู้จากสิ่งที่ดีที่สุด”
การเรียนรู้เป็นกระบวนการอันน่าตื่นเต้นที่ไม่มีวันสิ้นสุด การเป็นพยาบาลสมิติเวชหมายความว่าคุณจะได้ร่วมงานและเรียนรู้จากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถทุกวัน นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้ข้าร่วมประชุมและสัมมนาทางการแพทย์โดยบุคลากรทางการแพทย์ชั้นนำจากทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก อีกทั้งเรายังได้รับการสนับสนุนและได้โอกาสในการหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลการศึกษาอื่นๆ เพิ่มเติม รวมทั้งสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการเรียนแบบ e-Learning รูปแบบใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายซึ่งเน้นเนื้อหาด้านพยาบาลกุมารเวชศาสตร์
“เมื่อกล่าวถึงเส้นทางสู่ความเป็นเลิศด้าน “พยาบาลวิชาชีพ” นั้นเรียกว่าไม่ง่ายเลย การได้ดูแลผู้ป่วยนั้นเราต้องดูแลแบบองค์รวม คลอบคลุมทั้งด้านภาวะร่างกายและด้านจิตใจ การได้นำองค์ความรู้มาปฏิบัติ และการทำงานที่สั่งสมให้เกิดประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วย ปัจจุบันดิฉันปฏิบัติงานเป็นพยาบาลวิชาชีพ ประจำแผนกผู้ป่วยในเด็ก โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช จากประสบการณ์การทำงานตั้งแต่เริ่มปฏิบัติงานจนถึงปัจจุบัน ดิฉันมีโอกาสจากโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช ไปศึกษาดูงานที่ Oregon Health and Science University ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆในการดูแลผู้ป่วยเด็ก และสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดในสายงานได้ สำหรับดิฉันสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตการทำงานคือการทำงานเป็นทีม มีส่วนร่วมในการวางแผนดูแลผู้ป่วยร่วมกัน ทำให้รับรู้และเข้าใจผู้ป่วย เพื่อให้เกิดประโยชน์และความพึงพอใจสูงสุดในการให้บริการผู้ป่วย นอกเหนือจากชีวิตการทำงานคือการศึกษาต่อปริญญาโท และการดำเนินชีวิตประจำวัน ส่วนที่ยากคือการจัดสรรเวลา วางแผนในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวให้เหมาะสม แต่อย่างไรก็ดี ดิฉันก็มีความสุขกับชีวิตและการทำงาน สุดท้ายนี้ดิฉันเชื่อว่าเราสามารถพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เรียนรู้สิ่งใหม่ที่ทันกับเหตุการณ์ปัจจุบัน การรับรู้และเข้าใจผู้อื่น คือหัวใจหลักของการเป็นพยาบาลที่ดี”
พิจิตรา สินล้น
โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช
“ทีมงานท่ีแสนอบอุ่น ทุกคนมีความสำคัญ”
สมิติเวช คือครอบครัว หมอ พยาบาล ผู้บริหาร รวมถึงพนักงานทุกคน มีความรักและผูกพัน นั่นคือแรงบันดาลใจที่จะทำให้ทุกคน ทุกบทบาทหน้าที่ มีคุณค่าเท่าเทียมกัน และเราทุกคนยังคงมุ่งมั่นเพิ่มประสิทธิภาพของบริการด้วยหัวใจ ไม่ใช่แค่ด้วยเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยเท่านั้น เราจึงเชื่อมั่นว่าทีมของเราทุกคนสามารถทำงานได้อย่างเต็มความสามารถ เมื่อแพทย์ พยาบาล และผู้บริหารมีความผูกพันร่วมกัน จะทำให้ทุกคนมีความสุขในการทำงานบนสภาพแวดล้อมที่ดี ก็ส่งต่อการดูแลเด็ก ดูแลจิตใจของพ่อแม่ ไปควบคู่กับการดูแลที่มีประสิทธิภาพ
“การทำงานที่โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช ดิฉันได้ประสบการณ์มากมาย ได้เจอเคสใหม่ๆ เคสที่รักษาด้วยหัตถการใหม่ๆ ที่ไม่เคยเจอ ทำให้เก่งขึ้น ทำงานได้หลากหลาย คล่องตัวขึ้น อย่างเช่น การเจอโรคระบาดใหม่ โดยเฉพาะสถานการณ์ระบาดของโรค โควิด-19 ทำให้ได้เรียนรู้การแยกและจำแนกประเภทของคนไข้เมื่อต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล ต้องดูแลจัดการ และปรับวิธีการดูแลไปตามสถานการณ์เพื่อให้คนไข้ปลอดภัย ถือว่าเนการได้รับประสบการณ์ใหม่อยู่เรื่อยๆ ทำให้เป็นคนที่สามารถปรับตัวเพื่อทันกับเหตุการณ์ปัจจุบันได้ดี และยังได้เรียนรู้การทำงานแบบเป็นทีม เนื่องจากเราไม่สามารถทำงานสำเร็จในคนเดียวได้ ต้องมีการติดต่อประสานงานกันทั้งในแผนกเดียวกัน แผนกอื่นๆ รวมทั้งสหสาขาวิชาชีพ ..การทำงานเนทีมที่ดี จะทำให้งานประสบความสำเร็จได้เร็วและมีคุณภาพ นอกจากนั้น สมิติเวชยังมีสวัสดิการที่ถือว่าเป็นหลักประกันให้ชีวิตที่ดีมาก มอบความปลอดภัยทั้งด้านสุขภาพของตนเอง ครอบครัว มีการช่วยวางแผน ระบบในการจัดการภาระค่าใช้จ่าย เป็นความห่วงเป็นใยพนักงานและให้ความช่วยเหลือในทุกๆด้านอย่างดี ทีมผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ มองถึงปัญหาสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต วางแผนไม่ให้พนักงานเผชิญปัญหาโดยลำพัง ทำให้เป็นองค์กรที่เหมือนเป็นครอบครัว ที่มีความอบอุ่นและน่าชักชวนคนที่เรารู้จักมาร่วมงานด้วย เพื่อให้เขาได้รับในสิ่งดีๆเหมือนกับเรา”
ณิชดาภา ใจวรรณ์
โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช
“เมื่อก่อนค่านิยมที่ว่ายิ่งทำงานหนักยิ่งดี ทำให้ทุกคนทุ่มเทกับการทำงานแบบอย่างหนักและหักโหม ไม่รู้วัน รู้เวลา นั่นทำให้คนคนนั้นประสบความสำเร็จในงานก็จริง แต่ท้ายที่สุดแล้วชีวิตส่วนตัวกลับล้มเหลวและสูญหายไป ซ้ำยังทำให้สุขภาพย่ำแย่ แต่การได้อยู่ที่สมิติเวช นโยบาลของผู้บริหารทำให้ดิฉันคิดว่า การทำงานหนักเราก็สามารถปรับตัวเพื่อสร้างสมดุลให้กับชีวิตได้ ด้วยแนวคิด Work Life Balance ที่ทุกคนควรจะชั่งน้ำหนักแบ่งเวลาให้ดีระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงานให้เกิดความสมดุลให้มากที่สุด...
ก่อนหน้านี้ ดิฉัน ซึ่งเป็นคนทำงานประจำ ไม่มีเวลาอื่นนอกจากงาน ไม่ได้ดูแลตัวเอง อดหลับอดนอน รับประทานอาหารที่อุ่นจากอาหารแช่แข็งซึ่งรวดเร็วและง่ายที่สุด คุณค่าทางอาหารไม่มีประโยชน์
พอถึงจุดที่คิดได้ว่า” เราให้คำแนะนำกับ คนไข้ หรือ ผู้รับบริการของเรา ว่า ให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ...แต่เราล่ะ ทำไมเราไม่สามารถนำมาใช้กับชีวิตประจำวันของตนเองได้ จึงทำให้เกิดแนวคิด Work life balance
หลังจากนั้นมา จึงได้แบ่งเวลาทำงานกับชีวิตส่วนตัวที่มีคุณภาพ .. ช่วงเวลาที่ปฎิบัติหน้าที่ ในการทำงานเราก็เต็มที่ และทำงานกับเพื่อนร่วมงานอย่างมีความสุข แบ่งหน้าที่การทำงานที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อความพึงพอใจของผู้รับบริการ ซึ่งผลตอบรับที่ได้มาเรียกว่าเป็นผลในเชิงบวกเลยทีเดียว และการร่วมกันคิดร่วมกันทำงาน มันทำให้เรารอบคอบและมีสติมากขึ้น
พอถึงเวลาเมื่อกลับบ้าน ก็วางปัญหาทุกอย่าง แบ่งเวลาให้กับตนเองและครอบครัว ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ดูแลการทานอาหารที่มีประโยชน์ แบ่งเวลาให้ครอบครัว ..จนทุกอย่าง สมดุล เราก็มีความสุข ครอบครัวมีความสุข องค์กรที่เราทำงานก็ได้บุคลากรที่ดีเช่นกัน เพราะเมื่อคุณภาพชีวิตดีก็ย่อมส่งผลให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน และผลดีก็จะเกิดขึ้นกับองค์กรในที่สุด”
รมย์นลิน คงอัศจรรย์
โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช
“ความภาคภูมิใจในวิชาชีพและการทำงานตลอดระยะเวลา 34 ปี ที่สมิติเวชเปรียบเสมือนการได้อยู่ในบ้านหลังที่ 2 ที่ให้ชีวิตและประสบการณ์มากมาย ทั้งในเรื่องการทำงานและการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังได้รับการดูแลอย่างดีในด้านของทรัพยากรบุคคล ได้รับการการตรวจสุขภาพประจำปีทุกปี รวมถึงการทำงานในหน่วยงานก็มี Team work ที่ดีมากๆ คอยช่วยเหลือในการทำงานให้ผ่านไปอย่างราบรื่น เป็นเหตุผลหนึ่งที่ไม่เคยคิดย้ายที่ทำงาน”
อุไร พิริยวรกิจ
โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช
“เป็นการสร้างความแตกต่างอย่างยั่งยืน”
หน้าที่ของพยาบาล คือ การให้บริการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดแก่ผู้รับบริการและมอบบริการเพื่อส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเพื่อผู้บริการของเรา ในแต่ละวันคุณมีโอกาสสร้างความประทับใจให้แก่ผู้รับบริการและสร้างความผูกพันที่จะพัฒนาและเปลี่ยนเป็นความประทับใจไม่รู้ลืม คุณสามารถเป็นส่วนหนึ่งของความประทับใจนี้ร่วมกับกองทุนสมิติเวช เพื่อชีวิตใหม่ (Samitivej’s New Life Fund) และกิจกรรมเพื่อการกุศลอื่นๆ อีกมากมายที่สมิติเวชจัดขึ้นเพื่อการคืนกำไรและตอบแทนสังคม
ปี 2557 เป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลเด็กสมิติเวชกับโรงพยาบาลเด็กในสหรัฐอเมริกา Doernbecher Children's Hospital, Oregon Health and Science University (OHSU) ซึ่งได้รับการจัดอันดับว่าเป็น ‘โรงพยาบาลเด็กที่ดีที่สุด 50 อันดับแรกประจำปี 2558-2559 โดย US News & World Report โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช จึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านต่อไปนี้
ในปี 2558 ดำเนินงานความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลเด็กสมิติเวชกับโรงพยาบาล Takatsuki General Hospital ประเทศญี่ปุ่น โรงพยาบาลเด็กสมิติเวชมีโครงการแลกเปลี่ยนเพื่อเสริมสร้างความรู้ทางในการดูแลทารกแรกเกิดและเด็ก เช่น
โรงพยาบาล Takatsuki General Hospital เป็นโรงพยาบาลภาครัฐที่เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิดในโอซากา (Osaka Neonatal Mutual Cooperative System) ซึ่งมีประสบการณ์ดูแลทารกคลอดก่อนกำหนดที่มีน้ำหนักแรกเกิดน้อยเพียง 286 กรัม