โรคฝีคัณฑสูตร อาจเป็นชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหูนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วโรคนี้สามารถเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย และพบได้บ่อยไม่แพ้กับโรคทางระบบลำไส้และทวารหนัก ด้วยความที่ฝีคัณฑสูตรนี้เกิดในบริเวณก้นใกล้ๆ ทวารหนัก เมื่อผู้ป่วยมีอาการแสดงหรือเป็นโรคนี้อาจรู้สึกอายจึงไม่กล้าเข้าพบแพทย์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอาการเรื้อรังของโรค ทำให้แพทย์ให้การรักษาได้ยากและมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นได้
ฝีคัณฑสูตร (Anal Fistula) เป็นฝีที่เกิดจากการติดเชื้อเรื้อรังบริเวณรูทวารหนัก มีลักษณะเป็นรูเปิดด้านนอก และมีโพรงเชื่อมระหว่างรูเปิดด้านนอกและรูเปิดด้านใน เกิดขึ้นได้ที่รอบรูทวารหนักและแก้มก้น มีลักษณะเป็นตุ่มบวมแดง และมีหนองร่วมด้วย แบ่งได้ เป็น 2 ชนิด ได้แก่
1) ฝีคัณฑสูตรแบบ simple คือ ฝีคัณฑสูตรที่อยู่ค่อนข้างตื้น แทรกตัวผ่านกล้ามเนื้อหูรูดเพียงนิดเดียว ให้การรักษาได้ง่ายไม่ซับซ้อน
2) ฝีคัณฑสูตรแบบ complex (ซับซ้อน) คือ ฝีคัณฑสูตรที่มีลักษณะหลากหลาย เช่น มีรูเปิดอยู่ค่อนข้างลึก หรือมีโพรงของรูเปิดที่อยู่ด้านในและด้านนอกเชื่อมต่อกันเป็นเส้นโค้งหรือโค้งอ้อมรอบก้นค่อยมาเปิดด้านนอก หรือมีรูเปิดด้านในเพียงรูเดียวแต่เชื่อมต่อมาเปิดเป็นรูเปิดด้านนอกหลายรู ทำให้มีความยากและซับซ้อนในการรักษามากยิ่งขึ้น
ฝีคัณฑสูตรเกิดจากการอักเสบ อุดตัน และการติดเชื้อแบคทีเรียของต่อมผลิตเมือก (Anal Gland) ที่อาจได้รับมาจากทางลำไส้ เข้ามาทางรูเปิดด้านในของทวารหนัก พออักเสบและอุดตันมากๆ ก็เกิดเป็นหนองด้านใน เมื่อหนองมีปริมาณมากขึ้นก็จะค่อยๆ เซาะไปตามชั้นกล้ามเนื้อจนกลายเป็นโพรงเชื่อมต่อกันระหว่างทวารหนักกับผิวหนังด้านนอก จนแตกออกมาทางด้านนอกและกลายเป็นฝีคัณฑสูตรในที่สุด
ทั้ง 2 โรคนี้มีความคล้ายคลึงกันของอาการแสดง คือ มีเลือดซึมและมีอาการปวดบริเวณทวารหนัก แต่โดยรายละเอียดของโรคแล้ว
ฝีคัณฑสูตรไม่สามารถหายเองได้ และมักเป็นเรื้อรัง หากต้องการหายขาดหรือมีโอกาสเป็นซ้ำน้อยและหลีกเลี่ยงการกลั้นอุจจาระไม่ได้ ควรเข้ารับการผ่าตัดกับแพทย์เฉพาะทางผู้ชำนาญการเท่านั้น หรือถ้ามีอาการเจ็บหรือมีหนองซึมบริเวณทวารหนักให้รีบมาพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุด
ไม่มี ฝีคัณฑสูตรต้องเข้ารับรักษาโดยการผ่าตัดเท่านั้น
การผ่าตัดฝีคัณฑสูตรนั้นมีหลายวิธี แตกต่างกันไปตามชนิดและความซับซ้อนของฝีคัณฑสูตร แต่โดยหลักการแล้วเป้าหมายของการผ่าตัดฝีคัณฑสูตร คือ การรักษาให้หายขาดหรือมีโอกาสเป็นซ้ำน้อยที่สุด ร่วมกับการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับกล้ามเนื้อหูรูดหวารหนัก เพราะอาจก่อให้เกิดปัญหาในการกลั้นอุจจาระตามมาได้
สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดแบบเปิด (Fistulotomy or Fistulectomy) ทำได้โดยการตัดโพรงฝีออกไปโดยตัดผ่านหูรูดทวารหนักเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อระบายหนองในโพรงให้ออกมาจนหมด จากนั้นจึงปล่อยให้เนื้อเยื่อซ่อมแซมตัวเอง 1 เดือน การผ่าตัดวิธีนี้มีโอกาสหายขาดได้ถึง 90 เปอร์เซนต์ และมีโอกาสเป็นซ้ำได้ประมาณ 10 เปอร์เซนต์ ทั้งนี้ วิธีนี้อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง คือ ผู้ป่วยอาจประสบปัญหาการกลั้นอุจจาระได้น้อยกว่าเดิมหากแพทย์ไม่มีความชำนาญมากพอและตัดกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักออกมากเกินไป ดังนั้น การผ่าตัดกับแพทย์ที่ชำนาญจึงมีความสำคัญที่สุด
เป็นฝีที่อยู่ลึกหรือมีหลายโพรง ไม่สามารถตัดโพรงฝีออกไปทั้งหมดทีเดียวได้ เพราะหากตัดไปแล้วจะต้องตัดกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักออกเยอะตามไปด้วย ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาการกลั้นอุจจาระตามมาได้ จึงต้องใช้วิธีอื่นในการผ่าตัด ซึ่งมีหลากหลายวิธี ดังนี้
การผ่าตัดทั้ง 4 วิธีที่กล่าวมาข้างต้น ยังไม่มีวิธีไหนได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ แต่จะได้ผลประมาณ 60-70 เปอร์เซ็นต์ คือ ยังมีโอกาสเป็นซ้ำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การผ่าตัดเหล่านี้ก็ยังมีข้อดี คือ ถึงแม้จะไม่สำเร็จในครั้งแรก ก็ยังสามารถทำซ้ำอีก 2-3 ครั้งได้ เพราะไม่ได้ผ่าตัดเอากล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักออกไป
การผ่าตัดฝีคัณฑสูตรแบบ simple (ไม่ซับซ้อน) ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลเพียง 1 วันเท่านั้น ส่วนการผ่าตัดฝีคัณฑสูตรแบบ complex (ซับซ้อน) ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลเพียง 1-2 วันเท่านั้น โดยมีวิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด ดังนี้
สิ่งที่แพทย์ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเลยก็คือ การเกิดภาวะกลั้นอุจจาระไม่ได้ ซึ่งเกิดจากการตัดเลาะหูรูดทวารหนักออกมากเกินไป ดังนั้น แพทย์จะพิจารณาเลือกวิธีการผ่าตัดที่เหมาะสมกับผู้ป่วย โดยประเมินว่าฝีคัณฑสูตรนั้นเป็นแบบไหน แบบซับซ้อนหรือไม่ซับซ้อน อยู่ลึกหรืออยู่ตื้น เป็นต้น
นอกจากนั้นแล้ว ความชำนาญของแพทย์ก็เป็นส่วนสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ ซึ่งมากน้อยแตกต่างกันไปตามชนิดของฝีคัณฑสูตร
การปฏิบัติตัวและการดูแลแผลหลังผ่าตัด เป็นส่วนสำคัญที่ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีโอกาสเป็นซ้ำได้น้อยที่สุด โดยสามารถทำได้ดังนี้
ในอดีตเมื่อเกิดฝีที่ก้น อาจทำการรักษาโดยการเจาะรูเพื่อระบายหนองในฝีออก แต่ไม่ได้ตรวจร่างกายเพิ่มเติม ซึ่งหากเจาะฝีแล้ว หลงเหลือรูด้านนอกและด้านในอยู่ สุดท้ายอาจจะหายกลายเป็นฝีคัณฑสูตร
แต่ในปัจจุบัน แพทย์ที่ชำนาญจะทำการตรวจร่างกายดูเพิ่มเติม หากพบว่าเป็นฝีอักเสบที่ยังไม่มีรูเปิดด้านนอก แพทย์จะทำการตรวจดูด้านในตอนผ่าเปิดซ้ำอีกครั้งว่ามีรูเปิดด้านในหรือไม่ ถ้ามีก็จะตัดออกในคราวเดียว เพื่อป้องกันไม่ให้หลงเหลือโพรงและมีอาการเรื้อรังจนกลายเป็นฝีคัณฑสูตรในท้ายที่สุด
นายแพทย์ภัคพงศ์ วัฒนโอฬาร มีความชำนาญด้านการผ่าตัดส่องกล้อง โดยใน 10 ปีที่ผ่านมา คุณหมอผ่าตัดส่องกล้อง Laparoscopic surgery (MIS) มามากกว่า 1,500 ราย ในจำนวนนี้เป็นการผ่าตัดไส้เลื่อน มากกว่า 500 ราย คุณหมอภัคพงศ์ วัฒนโอฬาร จบการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 2 คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และยังได้รับประกาศนียบัตรแพทย์เฉพาะทางอนุสาขาผ่าตัดส่องกล้องศัลยศาสตร์ทั่วไป คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
SEND AN INQUIRY OR SCHEDULE AN APPOINTMENT
*โปรดระบุ
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่