มาเรียนรู้โรคยอดฮิตอย่างช็อกโกแลตซีสต์กันดีกว่า

มาเรียนรู้โรคยอดฮิตอย่างช็อกโกแลตซีสต์กันดีกว่า

HIGHLIGHTS:

  • ปวดท้องน้อยเรื้อรังเมื่อมีประจำเดือน และปวดมากขึ้นทุกๆ เดือน มีอาการเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ อาจเป็นอาการของ “ช็อกโกแลตซีสต์”
  • ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) มีผลต่อการตั้งครรภ์ ทำให้มีบุตรยากได้

บทความนี้นายแพทย์สันติ พงศ์ภัณฑารักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวชวิทยา จะมาให้ความรู้เรื่อง ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) ดังต่อไปนี้

ช็อกโกแลตซีสต์ คืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร

ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) หรือ ถุงน้ำช็อกโกแลต ในทางการแพทย์เรียกว่า “เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ (Endometriosis)” คุณหมอบอกว่าให้นึกถึงตัวมดลูกเปรียบได้กับชมพู่ เยื่อบุโพรงมดลูกก็คือเนื้อนิ่มๆ ด้านในของชมพู่ ที่เป็นเยื่อๆ ใยๆ เมื่อคุณผู้หญิงมีประจำเดือน เยื่อบางๆ เหล่านี้ก็จะลอกออกและปนมากับเลือดประจำเดือนที่ออกมาทางช่องคลอด

แต่ทีนี้จะมีเลือดส่วนหนึ่งไม่ได้ออกมาด้วยแต่ไหลย้อนไปยังท่อนำไข่ และจะไปตกอยู่ในท้องซึ่งเลือดที่ไหลย้อนกลับนี้ก็จะมีเยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ด้วย ซึ่งเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกนี้จะเหมือนเมล็ดพืช คือ จะค่อยๆ เติบโต และค่อยๆ ขยายกลายเป็นถุงน้ำ

หากฝังตัวอยู่ที่อวัยวะไหนก็จะเกิดถุงน้ำขึ้นที่อวัยวะนั้น เช่น อุ้งเชิงกราน ท่อรังไข่ ลำไส้ ช่องคลอด มดลูก เป็นต้น แต่บริเวณที่จะพบถุงน้ำได้บ่อยคือรังไข่ เนื่องจากบริเวณรังไข่เป็นบริเวณที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงจึงเหมาะแก่การเจริญเติบโต เมื่อเวลาที่ผู้หญิงมีประจำเดือน

เยื่อบุโพรงมดลูกจะลอกตัวออกมาตลอดคือจะปล่อยเลือดออกมาด้วย แต่เมื่อเยื่อบุโพรงมดลูกไปอยู่ที่รังไข่และปล่อยเลือดออกมาแต่รังไข่ไม่มีทางออกของเลือด จึงเกิดการสะสมของเลือดขึ้นทีละนิด เหมือนลูกโป่งที่เติมน้ำเข้าไปทีละนิดทำให้เลือดในถุงมีปริมาณมากขึ้น หากเลือดค้างอยู่ในถุงน้ำนานๆ จะกลายเป็นสีน้ำตาล มีลักษณะเหมือนช็อกโกแลต จึงเรียกว่า “ถุงน้ำช็อกโกแลต” หรือ “ช็อกโกแลตซีสต์” นั่นเอง

อาการของโรคช็อกโกแลตซีสต์

ช็อกโกแลตซีสต์เป็นโรคที่พบบ่อยในสตรีวัยเจริญพันธุ์ ส่วนอาการของช็อกโกแลตซีสต์ ไม่ใช่อาการเฉพาะเจาะจงอาจพบในโรคอื่นได้เหมือนกัน โดยมากอาการของช็อกโกแลตซีสต์ มักจะได้แก่

  • ปวดท้องน้อยเรื้อรังเมื่อมีประจำเดือน และจะปวดมากขึ้นทุกๆ เดือน โดยจะปวดท้องด้านหน้า ตั้งแต่สะดือไปถึงอุ้งเชิงกราน ส่วนด้านหลังตั้งแต่บั้นเอวไปถึงก้นกบ
  • อาจปวดท้องประจำเดือนจนเป็นลม
  • มีอาการลำไส้แปรปรวน ท้องอืด ท้องเสีย
  • ปวดมากเวลาขับถ่าย ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด
  • ปัสสาวะบ่อย
  • ปวดเสียดในท้อง
  • ปวดหลัง ปวดร้าวลงขา

รวมทั้งมีอาการเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และสุดท้ายคือ จะมีบุตรยาก เพราะท่อนำไข่ตีบตัน สาเหตุมาจากมีพังผืดรั้งอยู่ ทำให้ท่อนำไข่ไม่สามารถทำงานได้

รู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นช็อกโกแลตซีสต์หรือไม่

มาถึงตรงนี้คุณสาวๆ อาจจะยังสงสัย จะรู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นช็อกโกแลตซีสต์หรือไม่ เรื่องนี้คุณหมอให้คำแนะนำว่า ต้องสังเกตอาการและความผิดปกติที่เกิดขึ้น หลายคนไม่สามารถแยกแยะออกว่า การปวดท้องนั้นเป็นการปวดท้องประจำเดือนปกติหรือปวดเพราะเป็นช็อกโกแลตซีสต์ ให้เราวิเคราะห์ตัวเองง่ายๆ ดังนี้

โรคนี้มักพบมากในผู้หญิงที่มีอายุ 20-40 ปี หากเรามีอายุอยู่ในราวๆ นี้ ปกติไม่เคยปวดท้องประจำเดือนมากๆ มาก่อน แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีอาการปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ และปวดมากขึ้นทุกเดือน ถึงขนาดที่ต้องหยุดงาน ให้สงสัยไว้ก่อนว่า คุณอาจเป็นช็อกโกแลตซีสต์ก็ได้ ทางที่ดีควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจโดยด่วน

วิธีรักษา เมื่อไหร่ที่ต้อง ผ่าตัดช็อกโกแลตซีส

หากพบว่าเป็นก็จะได้ทำการรักษาแต่เนิ่นๆ จะเป็นการดีที่สุด ในส่วนของการรักษา ในรายที่อาการรุนแรงไม่มาก แพทย์อาจให้สังเกตและติดตามอาการเป็นระยะ ในรายที่มีอาการพอสมควรแพทย์อาจรักษาโดยใช้ยา

หรือหากใช้ยาแล้วไม่ได้ผลอาจจำเป็นต้อง ผ่าตัด ช็อกโกแลตซีส ซึ่งการผ่าตัดในปัจจุบันนี้แพทย์ก็จะเลือกใช้วิธีการผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery) เป็นวิธีมาตรฐานในการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดผ่านกล้องนี้เป็นวิธีที่ทันสมัย เป็นรูปแบบหนึ่งของการผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery หรือ MIS อันเป็นเทคนิคในการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพสูง ผู้เข้ารับการผ่าตัดจะมีแผลเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวเร็ว ซึ่งไม่น่ากลัวแต่อย่างใด

จากที่คุณหมอให้ความรู้เรามาทั้งหมดนี้ก็จะพบว่า โรคช็อกโกแลตซีสต์ ก็ไม่ใช่โรคที่น่ากลัวมาก หากคุณสาวๆ หมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกายตัวเองแล้วรีบไปพบสูตินรีแพทย์ เพื่อตรวจอาการตั้งแต่เนิ่นๆ ก่อนที่โรคจะลุกลามก็น่าจะเป็นการดีที่สุด ก่อนที่โรคภัยจะมาคุกคามชีวิตและลุกลามจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของเรา

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?