ปรับพฤติกรรมออทิสติก เพิ่มทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตของลูกน้อย

ปรับพฤติกรรมออทิสติก เพิ่มทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตของลูกน้อย

HIGHLIGHTS:

  • ออทิสติกสเปกตรัม คือโรคที่มีความบกพร่องของทักษะทางสังคมและการสื่อสาร ร่วมกับมีความผิดปกติทางพฤติกรรม เช่น มีพฤติกรรมซ้ำๆ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง มีความไวต่อประสาทสัมผัสบางอย่าง เป็นต้น
  • การปรับพฤติกรรมเด็กออทิสติก จะมุ่งเน้นที่การเพิ่มทักษะการเข้าสังคมและการสื่อสารให้สมวัย รวมถึงลดพฤติกรรมซ้ำ ๆ พฤติกรรมยึดติดบางอย่าง และปรับประสาทสัมผัสให้เหมาะสม เพื่อให้เด็กสามารถเข้าสังคมและใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติให้ได้มากที่สุด

สารบัญบทความ

  1. ทำความรู้จักกับออทิสติกสเปกตรัม
    1.1 ออทิสติกแท้และออทิสติกเทียมต่างกันอย่างไร
  2. การตรวจวินิจฉัยออทิสติกสเปกตรัม
  3. ทำไมต้องมีการปรับพฤติกรรมเด็กออทิสติก
  4. ออทิสติกสเปกตรัมรักษาอย่างไรได้บ้าง
    4.1 การเพิ่มทักษะสำหรับเด็กออทิสติก
    4.2 การปรับพฤติกรรมเด็กออทิสติก
    4.3 การใช้ยารักษา
  5. คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการปรับพฤติกรรมออทิสติก
    5.1 การรักษาปรับพฤติกรรมออทิสติก ควรจะเริ่มตั้งแต่อายุเท่าไร
    5.2 เด็กกลุ่มไหนที่มีโอกาสเป็นออทิสติกและต้องเข้ารับการปรับพฤติกรรมออทิสติก
    5.3 อาการที่บ่งบอกว่าการปรับพฤติกรรมออทิสติกจะดีขึ้นได้หรือไม่ ใช้เวลาเท่าไร
  6. ปรับพฤติกรรมออทิสติก เริ่มได้ตั้งแต่เล็กที่ศูนย์สร้างเสริมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช

1. ทำความรู้จักกับออทิสติกสเปกตรัม

ออทิสติกสเปกตรัม (Autism Spectrum Disorder, ASD) คือโรคที่มีความบกพร่องของทักษะทางสังคมและการสื่อสาร ร่วมกับมีความผิดปกติทางพฤติกรรม โดยเด็กจะมีการทำพฤติกรรมบางอย่างซ้ำ ๆ มีความสนใจเฉพาะบางเรื่อง ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง รวมถึงอาจมีความไวต่อประสาทสัมผัสมากหรือน้อยกว่าปกติอีกด้วย  

ที่มาของคำว่า ‘Spectrum’ มาจากความแตกต่างของอาการหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเด็กแต่ละคนจะมีอาการและความรุนแรงที่แตกต่างกัน  ความรุนแรงของอาการจะมีตั้งแต่ระดับเล็กน้อยไปจนถึงระดับรุนแรง 

ทั้งนี้ เด็กออทิสติกบางคนมีพัฒนาการทางภาษาและการสื่อสารล่าช้าตั้งแต่ 1 ขวบแรก และในบางกลุ่มอาจยังไม่พบความผิดปกติที่ชัดเจน แต่พบภาวะถดถอยในด้านพัฒนาการเมื่ออายุได้ประมาณ 1 ขวบถึง 2 ขวบ ซึ่งในกลุ่มนี้นอกจากภาวะออทิสติกที่ต้องรักษาร่วมกับการปรับพฤติกรรมออทิสติกแล้ว อาจจะต้องตรวจประเมินเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุเกี่ยวกับโรคทางระบบประสาทร่วมด้วย

หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าลูกกำลังมีภาวะออทิสติก ควรเข้ามาพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมต่อไป

1.1 ออทิสติกแท้และออทิสติกเทียมต่างกันอย่างไร

ออทิสติกสเปกตรัมเป็นอาการที่เกิดขึ้นจากการทำงานที่ผิดปกติของสมอง ส่งผลให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการที่ผิดปกติ และสามารถรักษาให้อาการน้อยลงได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคของแต่ละคน
แต่สำหรับออทิสติกเทียมมักมีสาเหตุเกิดจากการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม และขาดการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น เช่น การที่ผู้เลี้ยงดูไม่เล่นกับเด็กอย่างเหมาะสม ปล่อยให้เด็กอยู่คนเดียวนาน ๆ หรือ ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่อเนื่อง เป็นเวลานาน ทำให้เด็กค่อย ๆ มีอาการที่คล้ายคลึงกับออทิสติกได้ เช่น เรียกไม่หัน ไม่สบตา พูดน้อยลง มีโลกส่วนตัวสูง ฯลฯ ซึ่งภาวะออทิสติกเทียมไม่ได้เกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิดเช่นเดียวกับออทิสติกสเปกตรัม สามารถรักษาให้หายเป็นปกติได้ หากได้รับการรักษาที่เหมาะสม ร่วมกับเด็กได้รับเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด

2. การตรวจวินิจฉัยออทิสติกสเปกตรัม

แพทย์จะทำการตรวจประเมินพัฒนาการ และพฤติกรรม ผ่านการสอบถามข้อมูลจากผู้ปกครอง ทั้งในด้านพัฒนาการที่ผ่านมา การเลี้ยงดู ร่วมกับตรวจประเมินพัฒนาการและพฤติกรรมผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับเด็ก ทำการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาร่วมกับผู้ปกครอง  

ในกรณีที่เด็กมีพัฒนาการถดถอยในด้านพัฒนาการและสังคม ,สงสัย มีภาวะลมชัก หรือมีความบกพร่องทางระบบประสาทร่วมด้วย แพทย์จะปรึกษาให้กุมารแพทย์ระบบประสาทดูแลร่วมกัน เพื่อหาสาเหตุที่อาจเกี่ยวข้องกับโรคทางระบบประสาทเพิ่มเติม

3. ทำไมต้องมีการปรับพฤติกรรมเด็กออทิสติก

การปรับพฤติกรรมออทิสติกเป็นวิธีที่ช่วยให้เด็กสามารถเข้าสังคมและใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด เนื่องจากเด็กออทิสติกจะมีปัญหาด้านการสื่อสาร พฤติกรรม และการเข้าสังคม กรณีที่เด็กไม่ได้รับการรักษาและปรับพฤติกรรมอย่างเหมาะสม อาจส่งผลให้เด็กไม่สามารถเรียนรู้และเข้าสังคม ได้ตามวัย ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ หรือใช้ชีวิตได้ตามลำพังในอนาคต

4. ออทิสติกสเปกตรัมรักษาอย่างไรได้บ้าง

ออทิสติกสเปกตรัม เป็นโรคที่สามารถรักษาเพื่อให้อาการดีขึ้นได้ โดยจะเน้นไปที่การปรับพฤติกรรม และเพิ่มทักษะด้านต่าง ๆ ที่บกพร่องไป

4.1. การเพิ่มทักษะสำหรับเด็กออทิสติก

  • การฝึกพูด 
  • การฝึกกระตุ้นพัฒนาการ 
  • การฝึกกิจกรรมบำบัด เช่น การฝึกทักษะการใช้กล้ามเนื้อมือ การเขียน การอ่าน การเคลื่อนไหวร่างกาย 
  • การฝึกปรับประสาทสัมผัส เนื่องจากเด็กออทิสติกมันมีประสาทสัมผัสที่ไวหรือช้ากว่าปกติ
  • การฝึกทักษะทางสังคม เช่น การสื่อสาร การเข้ากลุ่ม การเล่นกับเพื่อน การแบ่งปัน การรอคอย
  • Therapeutic day dare เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสังคม/ เข้าโรงเรียน โดยเป็นการฝึกทั้งในด้านการช่วยเหลือตนเอง การเข้าสังคม และพัฒนาการรอบด้าน 
  • ในวัยเรียนก็ต้องประสานงานกับทางโรงเรียนในการดูแลเด็กกลุ่มออทิสติก โดยการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสม และดูแลด้านการเข้าสังคมกับเพื่อน

4.2. การปรับพฤติกรรมเด็กออทิสติก

เพื่อให้เด็กออทิสติกสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้เป็นปกติมากขึ้น มี เทคนิคที่ใช้ในการปรับพฤติกรรม มีหลายแบบ แพทย์ ร่วมกับทีม นักจิตวิทยาและนักแก้ไขการพูด จะทำการประเมิน ทำการฝึกและให้คำแนะนำ ให้เหมาะสมเป็นรายๆไป เทคนิคที่ได้รับความนิยมมาก ได้แก่ เทคนิค ABA (Applied Behavioral Analysis) และเทคนิค DIR (Developmental Individual Difference, Relationship-based) หรือ Floor time เป็นต้น

4.3 การใช้ยารักษา

มีการใช้กลุ่มยารักษา เพื่อช่วยลดการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเด็กออทิสติก เช่น กลุ่มยาที่ช่วยรักษาอาการอารมณ์แปรปรวน อยู่ไม่นิ่ง สมาธิสั้น ยึดติด หรือพฤติกรรมการทำร้ายตนเองและผู้อื่น เป็นต้น

5. คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการปรับพฤติกรรมออทิสติก

5.1. การรักษาปรับพฤติกรรมออทิสติก ควรจะเริ่มตั้งแต่อายุเท่าไร

ปกติแล้วเด็กควรจะได้รับการประเมินพัฒนาการอย่างละเอียดในช่วงอายุ 9 เดือน 18 เดือน และ 24-36 เดือน หากการตรวจพัฒนาการแล้วพบว่า เด็กมีพัฒนาการที่ล่าช้า หรือพบความเสี่ยงที่จะมีพัฒนาการผิดปกติ ก็สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที ยิ่งรับการรักษาเร็ว เด็กก็ยิ่งมีโอกาสที่จะมีพัฒนาการใกล้เคียงกับเด็กทั่วไปได้มากยิ่งขึ้น

5.2. เด็กกลุ่มไหนที่มีโอกาสเป็นออทิสติกและต้องเข้ารับการปรับพฤติกรรมออทิสติก

โดยอาการที่บ่งบอกว่า มีความเสี่ยง ที่จะเป็น กลุ่ม ออทิสติกสเปกตรัมมีดังนี้

  • เด็กอายุครบ 12 เดือนแล้ว แต่ยังคงไม่เล่นเสียง ไม่มีการออกเสียงธรรมชาติ ไม่มองหน้าสบตา เรียกไม่หัน ไม่ชี้บอกความต้องการ
  • เด็กอายุครบ 18 เดือนแล้ว แต่ยังไม่พูด หรือไม่พูดคำที่มีความหมายออกมาเลยสักคำเดียว ไม่พยายามที่จะสื่อสาร รวมถึงไม่ทำตามคำสั่ง
  • ไม่มีการเล่นเลียนแบบ หรือเล่นบทบาทสมมติ
  • ไม่สนใจเล่นกับคนอื่น ชอบเล่นคนเดียว
  • สนใจเล่นของเล่นซ้ำ ๆ เช่น ชอบของหมุน ๆ ชอบเรียงของ ชอบมองไฟ และความชอบเหล่านี้สำหรับเด็กออทิสติกสามารถเปลี่ยนแปลงได้ยาก จะมีการปฏิบัติพฤติกรรมซ้ำ ๆ แบบนี้เสมอ
  • มีการพูดและการเข้าสังคมที่ถดถอยลงไปจากเดิม เช่น มีพัฒนาการตามปกติจนกระทั่งอายุ 1 ขวบ แต่เมื่ออายุ 2 ขวบกลับหยุดพัฒนา และมีพัฒนาการ พฤติกรรมถดถอยลงกลับไปเป็นเด็กเล็ก 

ทั้งนี้หากมีคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ ญาติ หรือพี่คนโตเป็นโรคออทิสติก เด็กก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นออทิสติกมากขึ้น จากความผิดปกติทางพันธุกรรม

5.3 อาการที่บ่งบอกว่าการปรับพฤติกรรมออทิสติกจะดีขึ้นได้หรือไม่ ใช้เวลาเท่าไร

โดยทั่วไปภายหลังจากได้รับการรักษาที่เหมาะสม เด็กจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ซี่งแตกต่างกันในแต่ละคน ระยะเวลาในการฝึก และความก้าวหน้าในการฝึก ก็ขึ้นอยุ่กับความรุนแรงของโรคเช่นกัน แต่ทั้งนี้ หากตรวจพบความบกพร่องและได้รับการรักษาที่อายุน้อย ก็จะมีโอกาสที่จะพัฒนา ได้มากขึ้น 

6. ปรับพฤติกรรมออทิสติก เริ่มได้ตั้งแต่เล็กที่ศูนย์สร้างเสริมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช

โรคออทิสติกสเปกตรัม สามารถรักษาให้อาการดีขึ้นได้ การฝึกกระตุ้นพัฒนาการ ปรับพฤติกรรม จะช่วยให้คนไข้สามารถเรียนรู้ และ ใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงกับปกติมากขึ้น ลดการพึ่งพาคนรอบข้างลง ช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น ที่ศูนย์สร้างเสริมพัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก และศูนย์จิตเวชเด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช มีทีมกุมารแพทย์เฉพาะทาง ด้านพัฒนาการและพฤติกรรม จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น พยาบาลจิตเวช นักแก้ไขการพูด นักจิตวิทยาพัฒนาการ นักจิตวิทยาคลินิก เพื่อให้การดูแลรักษาเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น เด็กออทิสติก เด็กพัฒนาการล่าช้า กลุ่มอาการที่เกิดจากความบกพร่องทางพันธุกรรม เช่น ดาวน์ซินโดรม และอื่นๆ  เด็กที่มีปัญหาด้านด้านอารมณ์และการเรียนรู้ เพื่อให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้น เติบโตสมวัยทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?