ออทิสติกแท้ ออทิสติกเทียม เหมือนหรือต่าง อย่างไร

ออทิสติกแท้ ออทิสติกเทียม เหมือนหรือต่าง อย่างไร

HIGHLIGHTS:

  • ภาวะออทิสติกเกิดจากความผิดปกติของสมอง มากกว่าเป็นผลจากสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เด็กเกิดพัฒนาการล่าช้า ไม่สามารถพัฒนาทักษะสังคมและภาษาได้เหมาะสมตามวัย สังเกตได้ก่อนเด็กอายุ 2 ขวบ ซึ่งจะชัดเจนและรุนแรงมากขึ้นเมื่ออายุ 3 ปีเป็นต้นไป  
  • ออทิสติกเทียม ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของสมอง แต่เกิดจากการเลี้ยงดูเป็นหลัก 
  • หากสงสัยว่าลูกเป็นออทิสติกแท้หรือออทิสติกเทียม แนะนำให้พาบุตรหลานเข้ารับการตรวจเช็กพัฒนาการกับแพทย์เฉพาะทาง เพื่อวินิจฉัยอาการให้ถูกต้องชัดเจน ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะช่วง 5 ปีแรกของเด็ก เป็นช่วงวัยที่สมองมีพัฒนาการอย่างเต็มที่ หากไม่ได้รับการดูแลและแก้ไขที่ถูกต้องอาจทำให้เด็กผิดปกติไปในระยะยาว แก้ไขไม่ได้  

ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานนอกบ้าน เทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้าในโลกปัจจุบัน ทำให้การเลี้ยงดูลูกด้วยการปล่อยให้เด็กดูโทรทัศน์ หรือเล่นอุปกรณ์สื่อสาร อย่างแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน มากเกินไป ส่งผลให้เด็กใช้ชีวิตกับการสื่อสารทางเดียว (One-way communication ) ขาดการกระตุ้นในการสื่อสาร 2 ทาง (Two-way communication) ไม่มีการพูดคุยหรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น จนเด็กเกิดความล่าช้าทางการสื่อสารและมีพัฒนาการทางสังคมไม่ปกติ 

และในที่สุดจึงพบว่า ลูกไม่พูด พูดช้า หรือพูดภาษาการ์ตูน รวมถึงเล่นกับเด็กคนอื่นไม่เป็น ไม่ตอบโต้สบตาเวลาพูดคุย ไม่มีความสนใจร่วมกับผู้อื่น ไม่สามารถบอกความต้องการของตัวเองได้ อาจรุนแรงถึงขั้นแสดงออกด้วยการโวยวาย และอาละวาด ซึ่งหลายอาการแสดงออกเหมือนหรือคล้ายคลึงกับเด็กในกลุ่มออทิสติก จนเกิดคำถามขึ้นในใจคุณพ่อคุณแม่ว่า ลูกเป็น “ออทิสติกแท้” หรือ “ออทิสติกเทียม”  

ออทิสติกแท้ (Autism Spectrum Disorder) คืออะไร

ออทิสติก (Autism Spectrum Disorder) เป็นกลุ่มอาการที่มีความผิดปกติของสมอง ส่งผลให้เด็กเกิดพัฒนาการล่าช้า ไม่สามารถพัฒนาทักษะสังคมและภาษาได้เหมาะสมตามวัย มีลักษณะพฤติกรรม กิจกรรม และความสนใจเป็นแบบแผนซ้ำๆ ไม่ยืดหยุ่น ซึ่งลักษณะเฉพาะจะแสดงให้เห็นก่อนอายุ 3 ขวบ 
แม้ปัจจุบันจะยังหาสาเหตุความผิดปกติที่ชัดเจนไม่ได้ แต่มีหลักฐานสนับสนุนชัดเจนว่าเกิดจากการทำงานของสมองที่ผิดปกติมากกว่าเป็นผลจากสิ่งแวดล้อม แต่ด้วยการแพทย์ที่ก้าวหน้าและทันสมัย สามารถช่วยให้เด็กกลุ่มออทิสติกสามารถพัฒนาศักยภาพให้ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะหากได้รับการวินิจฉัยให้การดูแลช่วยเหลืออย่างเหมาะสมได้ทันท่วงทีตั้งแต่อายุน้อยๆ และทำอย่างต่อเนื่อง

สาเหตุของออทิสติกแท้

ทุกประเทศทั่วโลกมีแนวโน้มที่เด็กจะเกิดมาพร้อมภาวะออทิสติก โดยพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรค แต่ได้มีการระบุถึงปัจจัยส่งเสริมการเกิดโรคไว้ ดังนี้  

  • ปัจจัยทางพันธุกรรม (Genetics) เด็กออทิสติกประมาณ 10 - 20% พบความผิดปกติที่ส่วนจำเพาะของโครโมโซม หรือยีน ซึ่งตรงกับโรคทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น กลุ่มอาการโครโมโซมเอ็กซ์เปราะ (Fragile X syndrome) หรือเร็ทท์ ซินโดรม (Rett syndrome) นอกจากนี้ ยังพบอัตราการเป็นออทิสติกที่สูงขึ้นในพี่น้องฝาแฝด หรือพี่น้องที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นออทิสติก และพบว่าพ่อแม่ที่อายุมากมีความเสี่ยงสูงที่จะมีลูกเป็นออทิสติก    
  • ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม (Environmental factors)  ภาวะแทรกซ้อน หรือการใช้ยาบางชนิดของมารดาขณะตั้งครรภ์ ส่งผลต่อทารกในครรภ์ให้เกิดมาพร้อมภาวะออทิสติก นอกจากนี้การสัมผัสสารเคมี เช่น ยาฆ่าแมลง โลหะหนัก รวมถึงมลพิษทางอากาศ PM2.5  อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดออทิสติกได้ 

สังเกตอาการออทิสติกแท้

ภาวะออทิสติก จะแสดงอาการแตกต่างกันไปในรายละเอียดของความบกพร่องและระดับความรุนแรง รวมถึงการเป็นโรคอื่นร่วมด้วย โดยสามารถสังเกตอาการผิดปกติของออทิสติกได้ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ซึ่งจะชัดเจนและรุนแรงมากขึ้นเมื่ออายุ 3 ขวบ เป็นต้นไป  โดยอาการแสดงออกที่สังเกตได้ มีดังนี้

  • ด้านสังคม อยู่แต่ในโลกของตัวเอง ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม เรียกไม่หัน ไม่สบตา  
  • ด้านภาษา เริ่มพูดช้า หรือยังไม่พูดเมื่อถึงวัยที่เหมาะสม พูดซ้ำๆ พูดวนไปวนมา พูดทวนคำ ไม่สามารถสนทนาได้อย่างต่อเนื่อง 
  • ด้านพฤติกรรม ทำอะไรซ้ำๆ ไม่ยืดหยุ่น  รับประทานอาหารซ้ำเดิมไม่ยอมเปลี่ยน  หากกิจวัตรที่เคยทำเปลี่ยนไปจากเดิม จะแสดงออกให้เห็นว่า อารมณ์เสีย หงุดหงิด โวยวาย นอกจากนี้สังเกตได้จากการชอบหมุนตัว โยกตัว เขย่งเท้า สะบัดมือ เล่นมือ เล่นเสียง

ในเด็กที่เป็นออทิสติก จะพบว่าเป็นเด็กไฮเปอร์แอคทีฟประมาณ 70%  และพบมีความบกพร่องทางสติปัญญาร่วมด้วย 50-70% ขณะเดียวกันก็พบว่าเด็กออทิสติกจะมีความสามารถพิเศษด้านอื่นๆ อยู่ 10% 

การรักษาออทิสติกแท้

ปัจจุบันยังไม่มียารักษาภาวะออทิสติกโดยเฉพาะ การรักษาจึงเป็นแบบประคับประคอง ดังนี้

  • ให้ยาตามอาการ เพื่อลดปัญหาพฤติกรรมและอาการไม่พึงประสงค์ ซึ่งการตอบสนองต่อยาในเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน
  • การรักษาแบบองค์รวม การรักษานี้มีเป้าหมายให้เด็กมีพัฒนาการด้านการสื่อสารและเข้าสังคมได้ดีขึ้น ลดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์  และพัฒนาศักยภาพในตัวเด็กให้ได้มากที่สุด  โดยช่วงเวลาของการรักษาที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือ ช่วง 3 ขวบปีแรก
  • การรักษาโรคร่วมที่เป็นอยู่ เช่น สมาธิสั้น สติปัญญาบกพร่อง หรืออารมณ์ก้าวร้าวรุนแรง    

ออทิสติกเทียม (Virtual autism)

ออทิสติกเทียม (Virtual autism) คือ ภาวะที่เด็กมีอาการคล้ายออทิสติกแต่ไม่ได้เป็นโรคจริง เด็กกลุ่มออทิสติกเทียมเกิดจากการขาดการดูแลอย่างเหมาะสม ไม่มีการกระตุ้นพัฒนาการ ขาดการเรียนรู้ การเล่นที่สมวัย ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากเกินไป โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิด ที่ต้องแยกตัวจากเพื่อนและเรียนออนไลน์   อย่างไรก็ตาม หากเด็กกลุ่มที่มีภาวะออทิสติกเทียมได้รับการส่งเสริมพัฒนาการอย่างเหมาะสม อาการที่สงสัยดูคล้ายภาวะออทิสติกจะสามารถหายไปได้

สาเหตุของออทิสติกเทียม

อย่างที่กล่าวมา สาเหตุหลักของออทิสติกเทียมไม่ได้เกิดจากพันธุกรรม หรือจากความผิดปกติของสมอง แต่เกิดมาจากการเลี้ยงดูที่ไม่มีการกระตุ้นพัฒนาการ  จึงทำให้เด็กมีพัฒนาการล่าช้า ไม่สมวัย ดังนี้

  • ใช้เทคโนโลยีเลี้ยงลูก เช่น โทรทัศน์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่ไม่มีเวลา หรือต้องการให้ลูกอยู่นิ่งๆ ลูกจึงได้รับการสื่อสารทางเดียว เล่นคนเดียว ไม่มีโอกาสได้เล่นกับเพื่อน หรือฝึกเข้าสังคมอย่างเหมาะสมตามวัย 
  • คุณพ่อคุณแม่ตามใจ ไม่มีการฝึกให้ลูกช่วยเหลือตนเอง 
  • คุณพ่อคุณแม่ที่เป็นห่วงลูกมากเกินไป สั่งห้ามไม่ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ จนเด็กกลัว ไม่กล้าที่จะแสดงออก หรือเรียนรู้ด้วยตัวเอง 
  • คุณพ่อคุณแม่ ไม่ค่อยสื่อสารพูดคุยหรือเล่นกับลูก
  • คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ให้ลูกออกไปเล่นนอกบ้าน อาจทำให้ลูกไม่มีเพื่อน และไม่รู้จักการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมในสังคม 

ออทิสติกเทียม อาการเป็นอย่างไร

อาการของออทิสติกเทียมอาจคล้ายหรือแตกต่างจากออทิสติกแท้  สามารถสังเกตอาการที่เข้าข่ายออทิสติกเทียมได้ ดังนี้

  •  ชอบเล่นคนเดียว ไม่สนใจเด็กวัยเดียวกัน   
  •  ไม่สบตาเวลาพูดคุย  
  •  ไม่สามารถบอกความต้องการของตัวเองได้ 
  • มักแสดงออกด้วยการโวยวาย  
  • พูดช้า พูดภาษาการ์ตูน หรือพูดตามโดยไม่เข้าใจความหมาย
  • ติดอุปกรณ์สื่อสาร เช่น แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน โดยไม่สนใจกิจกรรมอื่น

ความแตกต่างของ ออทิสติกแท้ กับ ออทิสติกเทียม

การสังเกตว่าลูกจะเป็นออทิสติกแท้หรือเทียม อาจต้องอาศัยการย้อนกลับไปเช็กประวัติครอบครัวก่อน ว่าอาการที่สังเกตและคิดว่าลูกผิดปกตินั้น น่าจะเกิดจากความผิดปกติของสมองเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์หรือไม่ เพราะอาการออทิสติกเทียมจะเกิดจากการเลี้ยงดูเป็นหลัก หากประวัติทารกในครรภ์ไม่ได้มีความผิดปกติ ก็อาจมองได้ว่าลูกเป็นออทิสติกเทียม

การวินิจฉัยออทิสติกแท้ และ ออทิสติกเทียม

คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองที่สงสัยว่าลูกเป็นออทิสติกแท้หรือออทิสติกเทียม โดยที่ไม่มีประวัติผิดปกติช่วงตั้งครรภ์ แต่ต้องการหาข้อสรุป แนะนำให้พาบุตรหลานเข้ารับการตรวจเช็กพัฒนาการกับแพทย์เฉพาะทาง เพื่อวินิจฉัยอาการให้ถูกต้องชัดเจน ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะช่วง 5 ปีแรกของเด็กเป็นช่วงวัยที่สมองมีพัฒนาการอย่างเต็มที่ หากไม่ได้รับการดูแลและแก้ไขที่ถูกต้องอาจทำให้เด็กผิดปกติไปในระยะยาว แก้ไขไม่ได้  

การบำบัดรักษาเด็กออทิสติกแท้ และ ออทิสติกเทียม

การบำบัดรักษาเด็กออทิสติกและเด็กที่มีภาวะออทิสติกเทียม เมื่อผ่านการตรวจประเมิน และวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทางแล้ว จะเข้าสู่การบำบัดรักษาโดยทีมนักวิชาชีพต่างๆ นักกิจกรรมบำบัด ปรับระดับการรับความรู้สึกในด้านต่างๆ ให้เหมาะสม ลดอาการซน อยู่ไม่นิ่ง และส่งเสริมทักษะต่างๆ ในการใช้ชีวิต ดังนี้

  • การฝึกพูด เพื่อการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาคำศัพท์ เปล่งเสียง การสร้างประโยค ฝึกการสื่อสารทางสังคม 
  • กิจกรรมบำบัด ฝึกโดยนักกิจกรรมบำบัด เพื่อให้เด็กได้ฝึกและเรียนรู้กิจกรรมต่างๆ
  • พฤติกรรมบำบัด เน้นการสร้างและเสริมพฤติกรรมที่ดี ลดพฤติกรรมไม่พึงประสงค์
  • ครอบครัวบำบัด ซึ่งจะชัดเจนและรุนแรงมากขึ้นเมื่ออายุ 3 ปีเป็นต้นไป เน้นทักษะการแก้ปัญหา ช่วยส่งเสริมการกระตุ้นพัฒนาการลูก รวมถึงดูแลจิตใจพ่อแม่  

คำแนะนำในการป้องกันออทิสติกเทียม

ตามที่กล่าวมา ภาวะออทิสติกเทียมมีสาเหตุมาจากสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการเลี้ยงดูเด็กอย่างเหมาะสม จะช่วยป้องกันอาการของภาวะออทิสติกเทียมได้ ดังนี้

  • งดสื่อหน้าจอทุกชนิดก่อนอายุ 2 ปี หากอายุมากกว่า 2 ปี ให้ดูจอได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งนี้ควรเป็นการดูร่วมกันกับคุณพ่อคุณแม่  
  • พูดคุยและเล่นกับลูกมากขึ้น เว้นจังหวะให้เด็กได้โต้ตอบ ฝึกการมองหน้าสบตาเวลาพูด
  • การเล่นบทบาทสมมติ เช่น ให้ลูกเป็นคุณครู คุณหมอ หรือเชฟ ตามที่ลูกสนใจ
  • ให้เด็กได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ วันละประมาณ 30 นาที  
  • ฝึกให้เด็กรู้จักช่วยเหลือตัวเอง
  • ให้ออกไปเล่นกับเด็กวัยเดียวกัน  

แม้ออทิสติกแท้จะสามารถบำบัดให้มีพฤติกรรมดีขึ้นแต่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ขณะเดียวกันออทิสติกเทียมสามารถบำบัดดูแลพฤติกรรมให้กลับมาเป็นเด็กปกติได้ แต่ทั้งออทิสติกแท้และเทียมต่างมีครอบครัวเป็นกำลังที่สำคัญที่สุด เป็นปัจจัยช่วยบำบัดรักษาปรับพัฒนาการของเด็กได้ ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองควรใส่ใจและหมั่นสังเกตอาการของเด็กอย่างใกล้ชิด  หากสงสัยหรือไม่แน่ใจ ควรพาเด็กพบแพทย์เพื่อทำการประเมินให้การรักษา รวมถึงบำบัดอย่างถูกต้องและเหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?