อายุที่เพิ่มขึ้นของผู้สูงวัย ส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่เว้นแม้แต่ผิวหนัง เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น จะมีการเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง และเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคผิวหนังบางโรคได้มากขึ้น
เป็นการเปลี่ยนแปลงตามอายุ เกิดจากการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินบริเวณผิวหนังลดลง และมีปัจจัยกระตุ้นคือการใช้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าในการแสดงอารมณ์ การถูใบหน้าแรง ๆ เป็นประจำ การสัมผัสแสงแดด
วิธีรักษา
การใช้ครีมหรือโลชั่นอาจช่วยได้แต่เป็นส่วนน้อย อาจมีการฉีดสารเพื่อเติมเต็มร่องและริ้วรอยบริเวณใบหน้า การใช้แสงเลเซอร์ หรือการทำศัลยกรรมใบหน้า
เกิดจากต่อมไขมันและต่อมเหงื่อทำงานลดลง ผิวหนังจึงแห้ง ขาดน้ำ ทำให้เกิดขุยและอาการคัน พบมากในบริเวณขา แต่อาจพบที่มือหรือลำตัว หากไม่ได้รับการรักษาอาจเกิดเป็นภาวะผิวหนังแห้งและอักเสบ (Xerotic eczema) เกิดการแดง ลอก และคันมากขึ้น ผู้ป่วยอาจเกาจนทำให้เกิดแผลบริเวณผิวหนังซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้
วิธีรักษา
โดยทั่วไปอาการมักดีขึ้นหากผิวหนังได้รับความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ แต่หากอาการคันยังมีอย่างต่อเนื่องควรปรึกษาแพทย์เนื่องจากอาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคอื่น ๆ เช่น พร่องฮอร์โมนไทรอยด์ การแพ้หรือผลข้างเคียงของยาบางชนิดได้
พบได้มากในผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น ภูมิแพ้ หอบหืด ผื่นคันจากการแพ้เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฝุ่นละออง สารเคมี อาหารทะเล สัตว์เลี้ยง อุณหภูมิ หรือยาที่ใช้ประจำ ผื่นคันมักเป็นบริเวณข้อพับ เป็นผื่นแดง นูน และก่อให้เกิดอาการคันมาก
สังเกตและพยายามหลีกเลี่ยงสารที่ทำให้เกิดการแพ้ หากไม่พบสาเหตุหรือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาทำการทดสอบและรักษา โดยการค่อย ๆ ปรับเพิ่มการสัมผัสกับสารที่ทำให้เกิดการแพ้ (desensitization)
วิธีรักษา
หากเป็นในบริเวณไม่มาก สามารถรักษาด้วยการทายาสเตียรอยด์ได้ แต่หากเป็นในบริเวณกว้างการทายาสเตียรอยด์อาจไม่ครอบคลุม อาจพิจารณาใช้ยากลุ่มยาแก้แพ้แต่ต้องระวังผลข้างเคียงทางระบบประสาท เช่น ง่วงซึม การใช้ยาสเตียรอยด์แบบรับประทานควรใช้เมื่อมีข้อบ่งชี้ในการใช้เท่านั้น
เกิดจากการรวมตัวของเม็ดสีผิดปกติในผิวหนัง มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงเข้ม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางโดยทั่วไปจะเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร โดยจะพบมากในผู้มีประวัติครอบครัวมีผิวหนังเปลี่ยนสีมาก่อน และจะเพิ่มมากขึ้นตามอายุโดยเฉพาะบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดด เช่น คอ หน้า และหลังมือ
วิธีรักษา
โดยทั่วไปมักไม่มีอันตรายจึงไม่ต้องรักษา เว้นแต่เพื่อความสวยงาม แต่หากเส้นผ่านศูนย์กลางมีขนาดใหญ่มาก มีการนูนผิดปกติ หรือมีความไม่สม่ำเสมอของสี ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยแยกโรคมะเร็งผิวหนัง
เป็นลักษณะสิวอุดตันหัวปิด เห็นเป็นจุดสีดำเล็ก ๆ รวมตัวกัน หรือเป็นสิวหัวเปิดสีขาว โดยไม่ค่อยมีลักษณะการอักเสบ มักพบบริเวณตาและโหนกแก้มที่ถูกแสงแดดมาก
วิธีรักษา
ทำความสะอาดบริเวณที่เป็นด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อนวันละสองครั้ง อาจพบแพทย์เพื่อพิจารณาสั่งยาทาประเภท Retinoid อาจใช้การรักษาโดยการจี้แต่อาจกลับมาเป็นซ้ำได้
มีลักษณะนูน กลมหรือรี สีเข้ม มักพบบริเวณใบหน้า อก คอ หลัง อาจมีอาการคันได้เล็กน้อย
วิธีรักษา
โดยทั่วไปมักไม่มีอันตรายจึงไม่ต้องรักษา เว้นแต่เพื่อความสวยงาม โดยแพทย์จะรักษาด้วยเลเซอร์ CO2 หรือความเย็นจี้ อย่างไรก็ตาม กระเนื้ออาจมีขนาดใหญ่และแยกออกยากจากมะเร็งผิวหนัง จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจและแยกโรค
เนื่องจากผู้สูงอายุจะมีผิวหนังที่บางและเปราะ ฉีกขาดง่าย จึงเกิดแผลได้ง่าย และเมื่อมีแผลก็อาจเกิดการติดเชื้อได้ง่ายเนื่องจากภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานลดลง
ระวังกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดแผล หลีกเลี่ยงการจับ ถู กระแทกผิวหนังแรง ๆ สวมใส่เสื้อผ้าที่นุ่มปกคลุมผิวหนังเพื่อป้องกันการเกิดแผล
การรักษา
หากมีแผลควรทำความสะอาดแผลให้สะอาด ป้องกันการติดเชื้อ อาจไปพบแพทย์เพื่อรักษาและพิจารณาสั่งยาฆ่าเชื้อ รับประทานอาหารที่มีสารอาหารอย่างเพียงพอเพื่อช่วยในการหายของแผล
พบได้หลายชนิด สัมพันธ์กับกรรมพันธุ์และการถูกแสงแดด
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่