สารพันปัญหาผื่นในเด็ก

สารพันปัญหาผื่นในเด็ก

Highlights:

  • ผื่นในเด็ก อายุน้อยกว่า 2 ปี มักมีผื่นที่แก้ม หน้าผาก ท้ายทอย แขนขา ข้อมือ ข้อเท้า โตขึ้นจะมีผื่นตามคอ ข้อพับแขน-ขาผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง มีโอกาสหายได้ 70-80% เมื่ออายุเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น 
  • ผื่นในเด็กเล็กสามารถเกิดจากการแพ้อาหาร เช่น แพ้นม ไข่ ถั่ว โดยพบได้ประมาณ 10% ของเด็กเล็กที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังที่มีอาการรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก และไม่ตอบสนองต่อการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม 
  • การพาเด็กไปรับคำปรึกษากุมารแพทย์โรคผิวหนัง เป็นวิธีในการดูแลอาการผื่นของเด็กๆ  เพราะบางครั้งอาการของผื่นหรือตุ่มต่างๆ อาจจำเป็นต้องได้รับการตรวจจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อเป็นแนวทางช่วยพ่อแม่ในการวางแผนดูแลเรื่องผื่นให้เด็กต่อไป 

พ่อแม่หลายคนต้องพบกับปัญหาผื่นของเด็กๆ กันอยู่ตลอด ไม่ว่าจะผื่นคัน ผื่นแพ้ ผื่นระคายเคืองจากการสัมผัส ผื่นแมลงกัด ผื่นผดร้อน ผื่นภูมิแพ้ผิวหนังของเด็กๆ สารพันปัญหาผื่นเหล่านี้มีวิธีการดูแลและรักษาที่แตกต่างกัน โดยต้องดูจากสาเหตุการเกิดเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง 

ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง

ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ผื่นชนิดนี้ถือเป็นโรคประจำตัว เป็นผื่นที่มาพร้อมอาการแดง คัน แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นจะมีโอกาสหายได้ 70-80%  

อาการผื่นภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก 

การสังเกตที่จะรู้ได้ว่าเด็กเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง คือ เด็กจะมีผิวแห้ง แดง คัน เป็นๆ หายๆ ตำแหน่งของผื่นที่ขึ้นจะต่างกันไปตามช่วงอายุ  

  • เด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี มักมีผื่นที่แก้ม หน้าผาก ท้ายทอย แขนขาด้านนอก และที่ข้อมือ ข้อเท้า หรือลูกเป็นผื่นแดงทั้งตัว 
  • เด็กอายุมากกว่า 2 ปี มักมีผื่นที่คอ ข้อพับแขน-ขาทั้ง 2 ข้าง 

สาเหตุผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ในเด็ก

เกิดจากปัจจัยได้หลายชนิด ได้แก่  

  • ปัจจัยด้านพันธุกรรมที่ในครอบครัวมีประวัติภูมิแพ้ ส่งผลทำให้โครงสร้างผิวเด็กไม่แข็งแรง   
  • เรื่องของสิ่งแวดล้อมภายนอกที่เป็นสิ่งกระตุ้น ได้แก่ อุณหภูมิที่หนาวหรือร้อนเกินไป สารระคายเคือง เช่น สารเคมี น้ำหอม แอลกอฮอล์ การเสียดสีจากเสื้อผ้าเนื้อหยาบ 
  • การแพ้อาหาร เช่น แพ้นม ไข่ ถั่ว สามารถกระตุ้นให้ผื่นกำเริบได้ โดยพบได้ประมาณ 10% ของเด็กเล็กที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังที่มีอาการรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก และไม่ตอบสนองต่อการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม 
  • สารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น เชื้อรา 

การรักษา ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ในเด็ก

พ่อแม่ต้องเน้นเรื่องการดูแลผิวเป็นพิเศษ ดังนี้ 

  • บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ  
  • ลดปัจจัยที่ทำให้ผิวแห้ง เช่น ไม่อาบน้ำอุ่น ไม่แช่น้ำหรือเล่นน้ำนานๆ และไม่ฟอกหรือใช้สบู่อาบน้ำมากเกินไป  
  • ทายาลดการอักเสบเมื่อมีผื่นเห่อขึ้นมา 

ผื่นแพ้ หรือ ผื่นระคายเคืองจากการสัมผัส

ผื่นชนิดนี้จะไม่เกิดขึ้นหากพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือเด็กสามารถหลีกเลี่ยงไม่ไปสัมผัสสารนั้นๆ แต่ถ้ากลับไปสัมผัสใหม่ก็สามารถเกิดผื่นซ้ำได้ 

อาการผื่นแพ้ หรือ ผื่นระคายเคืองจากการสัมผัส

เด็กจะมีผื่นแดง คันและแสบร้อน ที่ผิวสัมผัสในส่วนนั้นๆ โดยถ้าอาการรุนแรงอาจจะมีตุ่มน้ำพองได้ ตามตำแหน่งที่สัมผัสสาร 

สาเหตุของผื่นแพ้ หรือ ผื่นระคายเคืองจากการสัมผัส เกิดได้จาก 2 ปัจจัย คือ 

  • เกิดจากการที่เด็กได้ไปสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ (หมายถึงสารที่ก่อให้เกิดอาการในคนที่แพ้สารนั้นๆ) เช่น การไปสัมผัสกับไรฝุ่น ไรในขนสัตว์เลี้ยง เกสรดอกไม้ หญ้า แมลงสาบ เป็นต้น  
  • เกิดจากไปสัมผัสสารระคายเคือง (สารที่ก่อให้เกิดอาการได้ในทุกคน) เช่น เหงื่อ น้ำลาย ปัสสาวะ-อุจจาระในผ้าอ้อม เจลหรือแอลกอฮอล์ล้างมือ สารที่มีความเป็นกรดด่างสูง และแมลงบางชนิด จำพวกแมลงก้นกระดก แมงกะพรุนไฟ เป็นต้น 

การรักษาผื่นแพ้ หรือ ผื่นระคายเคืองจากการสัมผัส  

  • เลี่ยงไม่ให้เด็กไปสัมผัสสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ที่จะกระตุ้นจนก่อให้เกิดอาการ  
  • หมั่นล้างและทำความสะอาดเหงื่อ น้ำลาย ที่เกิดระหว่างวัน และควรเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็กบ่อยๆ ไม่ให้เกิดความชื้นเป็นเวลานาน  
  • บำรุงผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วยมอยส์เจอไรเซอร์  
  • ทายาลดการอักเสบเมื่อมีผื่นเห่อ 

ผื่นแมลงกัด ผื่นแพ้ยุง

ผื่นแมลงกัด เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบบ่อย โดยมีแมลงต่างๆ ที่ทำให้เกิดผื่นได้ เช่น ยุง มด เห็บ หมัด ริ้นทะเล ตัวคุ่น  

อาการที่เกิดจากผื่นแมลงกัด  

เมื่อเด็กถูกแมลงกัด จะเกิดตุ่มแดง คัน บวม โดยถ้าเป็นอาการรุนแรงอาจเกิดการอักเสบ มีตุ่มน้ำพองได้  โดยสามารถสังเกตแยกลงไปได้อีกว่า แมลงบินมักเกิดตุ่มที่นอกร่มผ้า ส่วงแมลงคลานมักเกิดตุ่มได้ทั้งในและนอกร่มผ้า 

การรักษาผื่นแมลงกัด    

  • ทายาลดการอักเสบเมื่อมีผื่นเห่อ  
  • ให้กินยาแก้แพ้ลดอาการบวมและความคัน  
  • ทาโลชั่นหรือครีมเพื่อบรรเทาอาการคันระหว่างวัน เช่น after bite balm หรืออาจใช้วิธีประคบเย็นให้กับเด็กได้ 
  • พ่อแม่สามารถป้องกันเด็กจากการถูกแมลงกัดได้โดย ให้เด็กใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด ทาโลชั่นกันแมลง เลี่ยงหรืองดการอยู่ในสถานที่ที่มีแมลงชุกชุม  

ผื่นผดร้อน

ผื่นผดร้อน มีสาเหตุหลักมาจากการอักเสบของต่อมเหงื่อที่มีการอุดตัน  

อาการผื่นผดร้อน

ผื่นผิวหนังในเด็กชนิดนี้จะเกิดขึ้นได้หลายลักษณะ ทั้งแบบเป็นตุ่มน้ำบางๆ ตุ่มแดงคัน หรือตุ่มหนองที่กดแล้วเจ็บ โดยผื่นหรือตุ่มดังกล่าวมักจะเกิดในร่มผ้าที่มีความอับชื้น 

การรักษาผื่นผดร้อน  

  • พ่อแม่ควรลดการแต่งตัวให้เด็ก โดยพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กใส่เสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าหนาเกินไป ไม่ใส่เสื้อผ้าหลายชั้น หรือเสื้อผ้าที่เล็กหรือใส่แล้วรัดแน่นตัวเด็กเกินไป  
  • หาวิธีระบายความร้อนระหว่างวันให้กับเด็ก เช่น การอาบน้ำ หรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตามหลัง หน้าอก  หรือผิวหนังในร่างกายส่วนที่จะเกิดความร้อนและอับชื้น  
  • ทาครีมที่ช่วยลดการเกิดผดร้อน เช่น แป้งโลชั่นสำหรับผดร้อน  
  • ทายาลดการอักเสบเมื่อมีผื่นเห่อ 

การที่พ่อแม่ได้มีโอกาสพาเด็กไปรับคำปรึกษากุมารแพทย์โรคผิวหนัง ก็เป็นอีกวิธีในการดูแลอาการผื่นของเด็กๆ ได้ เพราะบางครั้งอาการของผื่นหรือตุ่มต่างๆ อาจจำเป็นต้องได้รับการตรวจจากแพทย์เฉพาะทางด้านโรคผิวหนังเด็ก

เพื่อเป็นแนวทางช่วยพ่อแม่ในการวางแผนดูแลเรื่องผื่นให้เด็กต่อไป หากดูแลอาการผื่นที่เกิดขึ้นไม่ตรงจุด อาจทำให้เกิดรอยดำหรือแผลเป็นกับผิวเด็ก สร้างความไม่มั่นใจเมื่อเด็กโตขึ้นได้ 

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?