การรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด สามารถใช้ร่วมกับยาชนิดอื่น หรือใช้เดี่ยวๆ ก็ได้ ขึ้นกับอาการของโรคมะเร็ง จากสถิติการรักษาพบว่า ก่อนที่จะมีการค้นพบการรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด ผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา มีอัตราการอยู่รอด 3 ปี โดยเฉลี่ยประมาณ 5% แต่เมื่อมีการใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดทำให้อัตราการอยู่รอด 3 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 42% เช่นเดียวกับอัตราการอยู่รอด 5 ปี ในผู้ป่วยมะเร็งปอดแต่เดิมมีอัตราการอยู่รอดเพียง 6% ก็เพิ่มขึ้นเป็น 15% ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังเมลาโนมาระยะ 4 ซึ่งเซลล์มะเร็งกระจายไปยังปอด ตับ และกระดูก ได้รับยาภูมิคุ้มกันบำบัดประมาณ 1 ปีครึ่ง สามารถควบคุมให้โรคสงบ โดยไม่มีผลข้างเคียง และกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ เช่นเดียวกับผู้ป่วยมะเร็งไตที่ได้รับการรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัดประมาณ 1 ปี ก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้โดยไม่มีอาการแทรกซ้อน การรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัดนับเป็นวิธีรักษามะเร็งด้วยยาที่มีประสิทธิภาพมาก
การรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ทำให้การรักษาดีขึ้น อีกทั้งมีผลข้างเคียงน้อย
อย่างไรก็ตาม การรักษาโรคมะเร็งในแต่ละชนิดมีความจำเพาะเจาะจงสูง ผู้ป่วยควรเข้ารับคำปรึกษาและตรวจร่างกายกับแพทย์เฉพาะทางอย่างละเอียด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดีที่สุด
การตรวจพบมะเร็งยิ่งเร็ว ยิ่งมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้นจึงไม่ควรละเลยการตรวจสุขภาพประจำปี รวมถึงการตรวจเพิ่มเติมตามอายุ ซึ่งจะช่วยให้พบความผิดปกติของร่างกาย โดยเฉพาะมะเร็งซึ่งเป็นโรคร้ายแรงที่สามารถรักษาให้หายขาดหากพบในระยะเริ่มต้น ในกรณีที่พบในระยะ 4 หรือระยะลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ ก็ยังสามารถควบคุมให้โรคสงบและผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ