โรครัมเซย์ฮันท์ ซินโดรม (Ramsay Hunt syndrome) คือ ภาวะแทรกซ้อนหลังการติดเชื้อไวรัส varicella-zoster ซึ่งเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใสและงูสวัด โดยหลังการติดเชื้ออีสุกอีใสแม้อาการของโรคจะหายไปแล้ว แต่ก็ยังมีเชื้อฝังตัวอยู่ในปมประสาท และจะก่อให้เกิดอาการแทรกซ้อนหรือเกิดโรคขึ้นใหม่เมื่อภูมิคุ้มกันร่างกายไม่แข็งแรง
Ramsay Hunt syndrome เป็นภาวะ ที่เชื้อแสดงอาการที่เส้นประสาทใบหน้าคู่ที่ 7 และจะทำให้มีอาการที่มีลักษณะจำเพาะคือใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก ปวดหู และตุ่มน้ำใสบริเวณใกล้ใบหูและรูหูในข้างเดียวกัน การวินิจฉัยมักทำได้ช้าจนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวได้ การรักษาอย่างรวดเร็ว ภายใน 72 ชั่วโมง จะทำให้ลดระยะเวลาของโรคและป้องกันอันตรายจากภาวะแทรกซ้อนสำคัญได้ เช่น กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงถาวร หูหนวก
อุบัติการณ์ของโรค Ramsay Hunt syndrome อยู่ที่ 5 คน ต่อประชากรหนึ่งแสนคน ต่อปี โดยพบได้ทั้งในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติและภูมิคุ้มกันบกพร่อง แต่ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจะมีความรุนแรงของโรคมากกว่าและโอกาสหายขาดน้อยกว่า
โรค Ramsay Hunt syndrome พบน้อยในเด็ก พบมากในผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี มักพบในผู้ป่วยที่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่อง
โรค Ramsay Hunt syndrome เกิดจากเชื้อไวรัส varicella-zoster ในกลุ่ม human herpesvirus family โดยจะทำให้เกิดโรคอีสุกอีใส โดยหลังการติดเชื้อแม้อาการของโรคจะหายไปแล้วแต่ก็ยังมีเชื้อฝังตัวอยู่ในปมประสาท และจะก่อให้เกิดอาการแทรกซ้อนหรือเกิดโรคขึ้นใหม่เมื่อภูมิคุ้มกันร่างกายไม่แข็งแรงหรือเกิดความเครียดทางกาย (physiological stress)
ป่วยมักมีไข้และอ่อนแรง 1-3 วัน หลังจากนั้นจะมีอาการซึ่งเป็นลักษณะจำเพาะของโรค Ramsay Hunt syndrome ซึ่งอาการต่าง ๆ จะเกิดในซีกเดียวกันของใบหน้า คืออาการ
นอกจากนี้ยังมีอาการอื่น ๆ ที่พบได้ เช่น การรับรสเปลี่ยนแปลง ตาแห้ง น้ำตาไหล การได้ยินเสียงผิดปกติ จมูกตื้อ ลิ้นแข็ง หากมีการติดเชื้อที่เส้นประสาทคู่ที่ 7 อาจมีการสูญเสียการได้ยิน มีเสียงวิ้งในหู และอาการวิงเวียน และหากมีการติดเชื้อที่เส้นประสาทคู่ที่ 10 อาจมีอาการเสียงแหบหรือสำลัก ตุ่มน้ำอาจเกิดหลังอาการทางระบบประสาท ซึ่งมักเกิดที่บริเวณใบหู แต่อาจเกิดที่ใบหน้า หน้าผาก เพดานปาก หรือลิ้นได้
อาการอาจแยกได้ยากจากโรค Bell’s palsy ซึ่งทำให้มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงเช่นเดียวกันแต่จะไม่มีอาการปวดร่วมด้วย
ควรพบแพทย์รับการรักษาอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อลดการเกิดผลแทรกซ้อนในระยะยาว เช่น
หากมีอาการดังกล่าวแพทย์จะพิจารณาให้ยาต้านไวรัสและยาสเตียรอยด์เพื่อลดระยะเวลาและความรุนแรงของโรค ไม่ควรซื้อยากินเองเนื่องจากยาดังกล่าวอาจมีผลข้างเคียงในผู้ป่วยหลายกลุ่มได้
การรักษาที่สำคัญอีกอย่างคือการรักษาอาการ แพทย์จะพิจารณาให้ยาแก้ปวดเพื่อลดอาการปวด อาการบ้านหมุน หากผู้ป่วยมีอาการหลับตาไม่สนิทอาจทำให้มีอาการตาแห้งหรือกระจกตาเป็นแผล แพทย์จึงอาจให้น้ำตาเทียมหรือยาขี้ผึ้งป้ายตาสำหรับเวลานอน
ผู้ที่เป็นโรค Ramsay Hunt syndrome ควรดูแลตัวเองโดยรับประทานยาที่แพทย์สั่งให้อย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือแกะบริเวณผื่น ดูแลรักษาบริเวณผื่นให้สะอาด อาจใช้การประคบเย็นเพื่อลดความปวดและหากผื่นยังไม่ยุบหรือหายไป ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่ยังไม่เคยเป็นอีสุกอีใสหรือผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนอีสุกอีใส ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ ทารกแรกเกิดและหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจแพร่เชื้อให้กลุ่มคนดังกล่าวได้ จนกว่าตุ่มที่เป็นจะตกสะเก็ดแล้ว
ควรฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใสในเด็ก และวัคซีนป้องกันงูสวัดในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ในผู้ป่วยที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสและงูสวัดแล้ว การป้องกันโรค Ramsay Hunt syndrome ที่ดีที่สุดคือการดูแลรักษาสุขภาพกายและใจให้แข็งแรง เนื่องจากโรคนี้อาจกลับมามีอาการเมื่อเกิดความเครียดทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ พยายามรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ หรือรับประทานอาหารเสริมและวิตามินช่วย พักผ่อนอย่างเพียงพอ และลดความเครียดความกังวล ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ผู้ที่ยังไม่เคยเป็นอีสุกอีใสหรืองูสวัด รวมถึงยังไม่เคยได้รับวัคซีนดังกล่าว ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผื่นตุ่มน้ำของผู้ที่มีอาการ
มีคำแนะนำว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด สามารถป้องกันการเกิดโรค Ramsay Hunt syndrome ได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ มากกว่า 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากผู้ป่วยกลุ่มนี้ จะมีภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลงและเสี่ยงต่อการเกิดโรค รวมถึงมักมีอาการที่รุนแรงกว่าเมื่อเกิดโรคแล้วด้วย
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่