ระบบต่างๆ ในร่างกายผู้สูงอายุมีการเปลี่ยนแปลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้อาการแสดงของโรคหรือปัญหาสุขภาพหลายๆ อย่างไม่ชัดเจนตรงไปตรงมา และก็เป็นธรรมชาติของผู้สูงอายุเช่นกัน ที่จะพยายามอดทนต่อความไม่สบายตัวเหล่านั้น เพราะคิดว่ามันก็เป็นสิ่งที่ต้องเกิดและไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ อย่างมากก็แค่ “บ่น” ให้ฟังว่าไม่สบายตรงโน้นไม่สะดวกตรงนี้ แต่ทราบหรือไม่ว่าหลายๆ ครั้งการบ่นย้ำๆ ของผู้สูงวัย อาจหมายถึงกำลังมีปัญหาสุขภาพบางอย่างที่เริ่มบั่นทอนความสุขในการใช้ชีวิต และทราบหรือไม่ว่าส่วนใหญ่แล้วปัญหาเหล่านั้นสามารถแก้ไขหรือบรรเทาได้หากจัดการอย่างถูกวิธี
ตาเป็นอวัยวะสำคัญในการรับรู้สิ่งต่างๆ และการใช้ชีวิตประจำวัน โดยปกติแล้วความเสื่อมของส่วนประกอบของดวงตาเริ่มเกิดตั้งแต่วัยกลางคนและจะเสื่อมเร็วขึ้นถ้ามีโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือถ้าใช้สายตาไม่ถูกวิธี ปล่อยให้ตาแห้งเกินไป โรคตาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ เช่น
ปัญหาการมองเห็นทำให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตประจำวันได้ลำบากขึ้น หลายๆ ท่านต้องเลิกทำงานอดิเรกเพราะมองไม่ชัด ไม่สามารถผ่อนคลายด้วยการเล่นโซเชียล อ่านหนังสือ ดูทีวี หรือขับรถเที่ยวได้ การที่ผู้สูงอายุเริ่มมองไม่ชัด และสูญเสียกิจกรรมที่ตัวเองชอบ เป็นอาการที่ไม่ควรละเลย เพราะความเสื่อมของตาเป็นภาวะที่รักษาได้ และผลการรักษาจะยิ่งดีถ้าตรวจเจอตั้งแต่เนิ่นๆ
ผู้สูงอายุมักจะไม่ค่อยบ่นว่า หูไม่ได้ยิน ก็เพราะว่าไม่ได้ยินเลยไม่รู้ว่ามีเสียง แต่อาจจะเริ่มเปิดทีวีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ พูดเสียงดังๆ เวลาคุยกันต้องให้พูดซ้ำๆช้าๆ หรือต้องคอยอ่านปากว่าพูดว่าอะไร หลายๆ ท่านอาจจะเลิกคุยไปเลยเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง ซึ่งจะทำให้ขาดการเข้าสังคม ซึมเศร้า หรือสมองไม่ถูกกระตุ้นให้คิด ทำให้สมาธิสั้น สมองเสื่อมลงได้
เมื่อผู้สูงวัยบ่นว่ากินอะไรก็ไม่อร่อย ซื้อของกินอะไรให้ก็ไม่ถูกใจ หวานไป เค็มไป แข็งไป ปัญหารับประทานอาหารไม่อร่อยของผู้สูงอายุส่วนมากไม่ได้เกิดจากความไม่ถูกปากอย่างเดียว แต่อาจจะเกิดจากปัญหาทางกายที่ซ่อนอยู่ เช่น
ถึงแม้กระเพาะอาหารและลำไส้ของผู้สูงอายุจะมีแนวโน้มที่จะขยับตัวช้าลง แต่การที่ถ่ายลำบากจนกระทบกับการรับประทานหรือการใช้ชีวิตประจำวันก็ไม่ใช่เรื่องปกติ สาเหตุส่วนใหญ่ของอาการท้องผูกเกิดจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เช่น การรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อยลง (เพราะเคี้ยวไม่ได้) การดื่มน้ำน้อยลง หรือการขยับเคลื่อนไหวน้อยลง (เพราะปวดขา หรือกล้ามเนื้อไม่มีแรง) ซึ่งแก้ไขด้วยการทานยาระบายและการปรับพฤติกรรม แต่ก่อนที่จะสรุปว่าเป็นเพราะตัวผู้สูงอายุนั้น จำเป็นต้องตรวจหาโรคทางกระเพาะอาหารและลำไส้ที่จำเป็น โดยเฉพาะในผู้ที่อยู่ๆ ก็มีการขับถ่ายเปลี่ยนไปจากเดิม มีท้องผูกสลับท้องเสีย มีปวดบิดหรือปวดหน่วงทวารหนักมากผิดปกติเวลาขับถ่าย มีถ่ายอุจจาระสีดำกลิ่นเหม็นคาว หรือมีถ่ายเป็นเลือดสด หรือเป็นมูกปนเลือด
การต้องคอยมองหาห้องน้ำในทุกๆ ที่ที่ไป หรือการต้องระวังไม่ดื่มน้ำเยอะเพราะกลัวกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เป็นความคับข้องใจของผู้สูงอายุ สุดท้ายอาจจะตัดปัญหาด้วยการไม่ออกไปไหนไกลๆ เพราะไม่อยากทำให้ลูกหลานเสียเวลาเที่ยว ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ (incontinence) มีสาเหตุทางกายที่แก้ไขได้ เช่น
หลายคนคงอยากพาพ่อแม่เดินชอปปิงในห้างใหญ่ๆ ไปเที่ยวสถานที่สวยๆ หรือพาท่านขึ้นเขาไปตั้งแคมป์ดูทะเลหมอก แต่ทุกแผนก็ต้องถูกเบรกด้วยคำว่า “ไปไม่ไหว ปวดขา” อาการปวดขาอาจเกิดจากแค่ไม่อยากขยับตัว แต่ก็มีปัญหาทางกายอีกหลายอย่างที่มากับกับอาการปวดขา และการเดิน เช่น
หลายครั้งที่ผู้สูงอายุไม่สามารถแยกได้ว่าอาการที่เป็นคือ ปวด หรือ วิงเวียน หรือ แน่นท้องแล้วคลื่นไส้ หรือ ใจสั่น/ใจหวิวๆ หรือ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ส่วนมากผู้สูงอายุจะแก้ปัญหาด้วยการทานยาแก้เมารถเมาเรือ ซึ่งยาแก้เวียนบางตัวมีผลข้างเคียงทำให้เบลอ สับสน ความจำไม่ดี หรือเซล้มได้ การซักประวัติและตรวจร่างกายผู้สูงอายุที่มาด้วยอาการ “เวียน” จึงต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะมีอวัยวะหลายระบบที่ทำให้มีอาการ เวียน หรือ คล้ายจะเวียน และการรักษาก็ไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น
สัญญาณเตือนเหล่านี้ หากตั้งใจสังเกตดีๆ อาจสามารถช่วยให้เลือกวิธีการจัดการปัญหาสุขภาพที่ถูกต้องให้กับผู้สูงวัยได้ เพื่อที่ผู้สูงอายุจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและมีคุณภาพที่สุด
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่