เด็กๆต้องเตรียมร่างกายให้แข็งแรงป้องกันไข้หวัดใหญ่มาเยือน

เด็กๆต้องเตรียมร่างกายให้แข็งแรงป้องกันไข้หวัดใหญ่มาเยือน

จากข่าวเมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในโรงเรียนกันบ้างแล้วนะคะ  แต่คุณพ่อคุณแม่อย่ากังวลใจไปนะคะ เรามาเตรียมพร้อมรับมือ สร้างภูมิต้านทานให้น้องๆ กันดีกว่าค่ะ

ในโลกใบนี้มีเชื้อไวรัสอยู่เต็มไปหมด เป็นร้อยเป็นพันชนิด ซึ่งไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดธรรมดา หรือไข้หวัดใหญ่ ก็เกิดจากการที่ร่างกายติดเชื้อไวรัสทั้งสิ้น ซึ่งโดยปกติแล้วหากร่างกายได้รับเชื้อตัวไหนมาร่างกายจะมีภูมิต้านทานกับเชื้อตัวนั้น แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปเราก็อาจได้รับเชื้อตัวใหม่มาอีก แถมการติดต่อของไข้หวัดก็เป็นไปได้ง่าย จากการไอ จาม รดกัน และสัมผัส น้ำมูก น้ำลาย จึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมเราจึงเป็นหวัดกันได้บ่อยๆ เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย ติดกันไปติดกันมาอยู่อย่างนี้นี่เอง

ซึ่งถ้าเป็นไข้หวัดธรรมดา ผู้ป่วยมักจะมีอาการ เป็นไข้ ไอ จาม อยู่ประมาณ 3-4 วัน ก็จะดีขึ้น แต่ถ้าเป็น “ไข้หวัดใหญ่” อาการจะรุนแรงมากกว่า ไข้สูงกว่า และมักมีอาการปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดศีรษะร่วมด้วย ระยะเวลาของไข้ก็จะยาวนานกว่าไข้หวัดธรรมดา โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-7 วัน

หากใครมีอาการไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว มีน้ำมูกไหล คัดจมูก หมอแนะนำว่าควรสงสัยไว้เบื้องต้นก่อนเลยว่าไข้หวัดใหญ่อาจจะถามหาคุณเข้าแล้ว ซึ่งถ้าเป็นในเด็กเล็ก มีไข้สูงเกิน 39 องศา นาน 12-24 ชั่วโมง แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ พาคุณลูกมาพบคุณหมอ เพื่อตรวจหาสาเหตุของไข้ เพราะอาการไข้สูง ก็อาจเป็นสาเหตุของโรคอื่นๆ ได้อีกหลายโรค การตรวจหาไข้หวัดใหญ่นั้นไม่ได้ยุ่งยากเลย เพียงแค่ใช้สำลีป้ายสารคัดหลั่งจากโพรงจมูก หรือจากคอ ใช้เวลาทดสอบประมาณ 40 นาที ก็ทราบผลแล้วค่ะ

ถ้าเราเป็นแล้วจะแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น นานกี่วันคือคำถามยอดฮิต โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ซึ่งจะแพร่กระจายเชื้อได้มากกว่าเด็กโต หากพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ผู้ปกครองควรจะให้น้องๆหยุดโรงเรียน เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปสู่เพื่อนๆ ในห้องเรียน แล้วจะต้องหยุดเรียนกี่วันถึงจะปลอดภัย ซึ่งคุณหมอบอกว่า ระยะเวลาแพร่เชื้ออยู่ที่ประมาณ 7 วัน หรือ 1 สัปดาห์ นับตั้งแต่วันแรกที่มีอาการ เพราะคนไหนเป็นไข้หวัดใหญ่ คุณหมอแนะนำให้หยุดเรียนไป 7 วัน หรือ 1 สัปดาห์ เลยค่ะ เพราะน้องจะได้พักผ่อนให้ร่างกายแข็งแรง และไม่แพร่เชื้อไปสู่เพื่อนๆ ค่ะ

โดยตัวโรคของไข้หวัดใหญ่เองไม่เป็นอันตรายร้ายแรงก็จริง แต่เมื่อเป็นแล้ว สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ หรือโรคอื่นๆ ที่มากขึ้นได้ โดยเฉพาะคนที่ร่างกายอ่อนแอ หรือมีโรคประจำตัวอยู่แล้วไข้หวัดใหญ่สามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ไซนัสอักเสบ หรือสมองอักเสบได้

การเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ตามความแข็งแรงของร่างกายของแต่ละคน บุคคลที่มีภูมิต้านทานตํ่า เช่น เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ปี หรือผู้สูงวัย รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ ตั้งแต่ 12 สัปดาห์ ขึ้นไป จะเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย แต่สำหรับหนุ่มสาวที่ร่างกายแข็งแรงดี หากพักผ่อนให้เพียงพอ ทานยาตามที่แพทย์สั่ง แค่สองถึงสามวันอาการก็เริ่มดีขึ้นแล้ว

ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส โดยทั่วไปอาการจะดีขึ้นเองภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยการดูแลแบบประคับประคอง แต่ในกลุ่มเสี่ยงเช่นเด็กเล็ก หรือมีผู้ที่มีอาการรุนแรง คุณหมอจะแนะนำให้ทานยาต้านไวรัส เพื่อลดอาการของโรค และลดการเกิดโรคแทรกซ้อน โดยให้ทานยาติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน วันละ 2 ครั้ง

การดูแลทั่วไปในเด็ก คือ พยายามให้นอนพักผ่อนให้มากๆ อยู่ในห้องที่ระบายอากาศได้ดี ในอุณหภูมิที่พอเหมาะ สามารถระบายความร้อนได้ดี หากไข้ขึ้นสูงให้เน้นการเช็ดตัว เพื่อให้ร่างกายระบายความร้อนออกมา ดื่มน้ำให้มาก ทานอาหารอ่อน ล้างมือบ่อยๆ แยกอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัว ไม่ปะปนกับคนอื่น สำหรับคนที่ป่วยควรใส่หน้ากากอนามัย หรือเรียกง่ายๆ ว่ากินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ อย่างที่เราได้ยินกันอยู่บ่อยๆ นี่แหละค่ะ

การป้องกันที่ดี ไม่ว่าจะโรคไข้หวัดใหญ่ หรือโรคไหนๆ คือการดูแลรักษาร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงอย่าใกล้ชิดกับคนที่มีอาการป่วย ล้างมือให้เป็นนิสัยทั้งก่อน และหลังรับประทานอาหาร และก่อนหลังเข้าห้องน้ำ แต่สำหรับไข้หวัดใหญ่มีวัคซีนป้องกันได้ ถึงแม้ไม่ได้ 100% แต่สามารถป้องกันได้ 60-70% หรือหากเราเกิดเป็นไข้หวัดใหญ่ขึ้นมาจริงๆ เรามีวัคซีนเป็นภูมิคุ้มกันอยู่ในร่างกายก็จะช่วยลดความรุนแรงของโรคไปได้มากทีเดียว

ซึ่งปัจจุบัน มีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ แบบ 3 สายพันธุ์ และแบบ 4 สายพันธุ์ด้วย

ประกอบไปด้วย ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A/H1N1, A/H3N2 และ ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ตระกูล Victoria และตระกูล Yamagata โดยแบบ 4 สายพันธุ์ จะมีสายพันธุ์ B1 เพิ่มมาอีก 1 ชนิด

วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีประโยชน์ดังนี้

  • ลดอัตราการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่
  • ลดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะในเด็กเล็กและผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง
  • ลดค่าใช้จ่ายในการรักษา
  • ลดการขาดงานหรือขาดเรียน
  • ลดอัตราการเข้ารับรักษาตัวในโรงพยาบาล
  • ลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่

วัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถให้ได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือน เป็นต้นไป ให้ได้ในทุกช่วงอายุและให้ได้ตลอดปี แต่เนื่องจากวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เป็นภูมิคุ้มกันระยะสั้น จะทำงานได้ดีในช่วง 6 เดือนแรกหลังจากฉีด จากนั้นภูมิคุ้มกันจะลดลงเรื่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันนั้นทำงานได้ดีเสมอ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์ทุกปี เราจึงควรต้องฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกๆ 1 ปี

คุณหมอขอฝากทิ้งท้ายไว้สักนิดว่า “โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อที่ติดต่อกันได้ง่ายๆ จากการไอ จาม เพราะฉะนั้น เราควรหลีกเลี่ยงคนที่เจ็บป่วย หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด อับชื้นเพื่อสร้างเกราะป้องกันให้กับตัวเราเอง และที่สำคัญ แนะนำให้มาฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งควรฉีดล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ก่อนเข้าฤดูฝนซึ่งเป็นช่วงระบาด เพื่อให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้เราล่วงหน้าค่ะ

คะแนนบทความ

มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว?