มะเร็งลำไส้ใหญ่ คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของเนื้อเยื่อลำไส้ใหญ่และลำไส้ที่มีการเปลี่ยนแปลงและแบ่งตัวอย่างต่อเนื่องจนไม่สามารถควบคุมได้ กลายเป็นก้อนหรือเนื้องอก ระยะแรกอาจเป็นเพียงแค่ติ่งเนื้องอกเล็กๆ เรียกว่า โพลิป (Polyp) แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ทำการรักษาหรือตัดทิ้ง อาจพัฒนากลายเป็นมะเร็ง ที่สามารถลุกลามทะลุผนังลำไส้จนแพร่กระจายต่อไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้
ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่อาจไม่แสดงอาการผิดปกติ จากการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ หรืออาจมีอาการนำมาก่อน เช่น
ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเป็นอาการของมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะหลังแล้ว ดังนั้น หากพบว่ามีอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์ถึงแม้อายุจะยังไม่ถึง 50 ปีก็ตาม เพื่อทำการวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง อย่าปล่อยทิ้งไว้เพราะเกิดความรุนแรงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะท้ายๆ ได้
สมิติเวชรณรงค์ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ หากคุณอายุ 45+ หรือมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ สามารถทำแบบประเมินความเสี่ยงเบื้องต้น พร้อมรับสิทธิพิเศษปรึกษาคุณหมอทางออนไลน์ ฟรี ! คลิกที่นี่
สำหรับในผู้ที่มีความเสี่ยงปานกลางหรือเสี่ยงสูงบางราย ยังอาจได้รับการแนะนำให้ตรวจด้วยวิธีอื่นๆ เช่น การตรวจเลือดแฝงในอุจจาระ การสวนแป้งเอกซเรย์ การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ลำไส้ใหญ่ และหากพบความผิดปกติ ผู้ป่วยจะต้องได้รับการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ต่อไป
หรือสามารถเลือกวิธีคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ได้เลย ซื่งเป็นวิธีที่สามารถตรวจพบติ่งเนื้อ และสามารถตัดติ่งเนื้อได้ทันทีในขณะส่องกล้องหากมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป
มีข้อมูลน่าสนใจว่า 90% ของการตรวจพบมะเร็งสำไส้ใหญ่จะเริ่มจากติ่งเนื้อขนาดเล็ก (polyp) ในลำไส้ใหญ่ ซึ่งติ่งเนื้อชนิด adenoma ถือว่าเป็นรอยโรคระยะก่อนเป็นมะเร็ง (pre-cancerous lesion) ซึ่งมีโอกาสดำเนินกลายเป็นโรคมะเร็งได้ในอนาคต ภายในระยะเวลา 5-10 ปี
ในกรณีที่ทำการส่องกล้องและพบติ่งเนื้อที่มีขนาดใหญ่ในลักษณะที่เหมาะสม สามารถทำการตัดติ่งเนื้อได้โดยวิธี EMR (Endoscopic Mucosal Resection) และ ESD (Endoscopic Submucosal Dissection) ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้แพทย์สามารถตัดติ่งเนื้อขนาดใหญ่ออกจากลำไส้ใหญ่ได้โดยไม่จำเป็นต้องทำการเปิดแผลที่หน้าท้อง ช่วยลดความเสี่ยงจากการผ่าตัด ลดระยะเวลาการรักษาตัวในโรงพยาบาล ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้ไว กลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ ไม่มีแผลเป็นที่หน้าท้อง
อย่างไรก็ตาม หากทำการส่องกล้องลำไส้ใหญ่แล้วพบติ่งเนื้อ แนะนำว่าควรเข้ารับการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ให้บ่อยขึ้น โดยความถี่ในการส่องกล้องนั้นขึ้นอยู่กับจำนวนติ่งเนื้อ ขนาดของติ่งเนื้อ และชนิดของติ่งเนื้อ ควบคู่ไปกับดุลยพินิจของแพทย์ร่วมด้วย
ผู้ป่วยที่รักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่แล้ว มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก ทั้งจุดเดิมของโรคและบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนอื่นๆ ดังนั้น ผู้ป่วยจึงต้องใส่ใจรับการตรวจติดตามโรคเป็นระยะๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งหลังการรักษานั้น แพทย์จะมีการติดตามผลเป็นระยะ
โดยในช่วง 2 ปีแรก แพทย์จะนัดติดตามอาการทุก 3 - 6 เดือน และในช่วง 3-5 ปีหลัง แพทย์จะนัดติดตามอาการทุก 6 เดือน ในการนัดแต่ละครั้งแพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกาย และอาจมีการตรวจอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด การถ่ายภาพเอกซเรย์ หรือการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ เป็นต้น
ซึ่งแพทย์จะพิจารณาเป็นรายๆ ไป ผู้ป่วยควรมาตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอและควรนำญาติสายตรงหรือผู้ให้การดูแลผู้ป่วยมาด้วย เพื่อที่จะได้แบ่งปันข้อมูลและร่วมปรึกษาถึงการดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสมได้
นอกจากนั้น ผู้ป่วยควรลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ของการเกิดโรค โดยจำกัดการบริโภคเนื้อแดง และอาหารไขมันสูง เพิ่มเกราะป้องกันให้ตัวเองโดยการบริโภค ผัก ผลไม้ และอาหารที่มีกากใยสูง เพื่อช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ ออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงการเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี
สมัครสมาชิกเพื่อจัดเก็บข้อมูลของคุณสำหรับการนัดหมายครั้งต่อไป
มีบัญชีผู้ใช้อยู่แล้ว? เข้าสู่ระบบที่นี่